ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์เปลี่ยนยารักษาวัณโรคตัวใหม่ให้ “หลวงพ่อคูณ” พร้อมเฝ้าสังเกตอาการใกล้ชิด หลังยาตัวเดิมเกิดผลข้างเคียง กระทบตับอักเสบ คาดต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลยาวนานกว่า 1 เดือน ระบุอาการดูดีขึ้น อ่อนเพลียน้อยลง ด้านคณะศิษย์ห้ามสื่อบันทึกภาพหลวงพ่อคูณใส่สายยางทางจมูก เกรงไม่เหมาะสม
ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธด้วยวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้(16 พ.ค.)บรรยากาศที่หน้าห้องพัก แพทย์ยังคงให้งดเยี่ยมหลวงพ่อคูณเด็ดขาด มีเพียงลูกศิษย์นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องพักเท่านั้น และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพหลวงพ่อคูณ อ้างว่าไม่อยากให้ภาพหลวงพ่อขณะใส่สายยางให้อาหารทางจมูกออกเผยแพร่แก่ประชาชน เกรงไม่เหมาะสม ขณะที่นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เข้ามาสอบถามพูดคุยกับคณะลูกศิษย์ประสานความร่วมมือดูแลรักษา
นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า ภาพรวมหากเทียบกับ 2 วันก่อนที่ได้ให้อาหารทางสายยางผ่านจมูกเข้าไปยังกระเพาะอาหารนั้น ท่านดูดีขึ้น อ่อนเพลียน้อยลง ช่วง 2 วันที่ผ่านมาเราถือว่าท่านแย่ลง เนื่องจากท่านฉันอาหารได้น้อยหรือไม่ฉันเลย สาเหตุมาจากตัววัณโรคเอง และยาให้การรักษาทำให้ท่านเบื่ออาหาร
อย่างไรก็ตาม ในการให้การรักษา แพทย์พบว่า มีปัญหาตับอักเสบเล็กน้อย ซึ่งเจอผลทางแล็บ ยังไม่ทำให้เกิดอาการ ส่วนอาการที่ทำให้แย่ลงเป็นผลมาจากวัณโรค และตัวยาที่รักษาทำให้แย่ลง และขอยืนยันหลวงพ่อคูณไม่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแต่อย่างใด
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า คณะแพทย์ได้เปลี่ยนแผนการรักษา โดยให้ยารักษาวัณโรคตัวใหม่แก่หลวงพ่อ แม้ยาตัวเก่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดก็ตาม หากคนไข้ไม่ตอบสนองหรือมีผลข้างเคียงมาก ก็จำเป็นจะต้องใช้ยาตัวใหม่ สูตรที่ประสิทธิภาพอาจจะด้อยลงมาเล็กน้อย และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
การให้ยารักษาตัวใดแก่หลวงพ่อ คณะแพทย์จะต้องปรึกษาทั้งผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลมหาราชเอง และอาจารย์โรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะศิริราชพยาบาลตลอดเวลา ขณะนี้ได้ให้ยารักษาวัณโรคตัวใหม่แก่หลวงพ่อคูณมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งต้องเฝ้าติดตามอาการและผลข้างเคียงของยาตัวใหม่นี้ทุกวัน
ทั้งนี้ การให้ยาตัวใหม่นี้ผลข้างเคียงจะปรากฏออกมาประมาณอีก 3-4 วันจึงจะประเมินอาการได้ แต่เท่าที่ดูหลังได้รับอาหารทางสายยางแล้ว หลวงพ่อมีอาการดีขึ้น คือ รับอาหารที่ให้ได้ อ่อนเพลียน้อยลงและสดชื่นขึ้นกว่าเดิม และยังรู้ตัวจำลูกศิษย์ใกล้ชิดได้ดี การขับถ่ายเป็นปกติ
ต่อข้อถามที่ว่า การห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ เพราะอาการหนักหรือไม่ นพ.พินิศจัย กล่าวว่า อาจจะเป็นในแง่ของภาพที่ออกไปสู่สาธารณชน ซึ่งหลวงพ่อมีสายยาง และเราต้องนึกถึงตัวหลวงพ่อด้วยว่า ท่านอยากที่จะให้ภาพนี้ออกไปหรือไม่
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วง 30 วันอันตรายและการปรับเปลี่ยนยาตัวใหม่นี้อาจทำให้หลวงพ่อคูณพักอยู่โรงพยาบาลนานขึ้นกว่าเดิม จากเมื่อก่อนที่เคยประเมินไว้ว่า จะให้ท่านพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 เดือน อาจจะต้องได้เลื่อนยาวออกไปอีก ส่วนจะนานมากเท่าใดนั้นต้องดูภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
นอกจากนี้ ขณะนี้จากการประเมินดูยังไม่จำเป็นจะต้องย้ายหลวงพ่อไปรักษาที่อื่น เนื่องจากคณะแพทย์ โรงพยาบาลมหาราชยังดูแลได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของคณะแพทย์ แต่หากอะไรที่เป็นประโยชน์กับหลวงพ่อคณะแพทย์พร้อมทำตามอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฝากบอกศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศว่า คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะดูแลหลวงพ่อคูณให้ดีที่สุด
ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธด้วยวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้(16 พ.ค.)บรรยากาศที่หน้าห้องพัก แพทย์ยังคงให้งดเยี่ยมหลวงพ่อคูณเด็ดขาด มีเพียงลูกศิษย์นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องพักเท่านั้น และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพหลวงพ่อคูณ อ้างว่าไม่อยากให้ภาพหลวงพ่อขณะใส่สายยางให้อาหารทางจมูกออกเผยแพร่แก่ประชาชน เกรงไม่เหมาะสม ขณะที่นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เข้ามาสอบถามพูดคุยกับคณะลูกศิษย์ประสานความร่วมมือดูแลรักษา
นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า ภาพรวมหากเทียบกับ 2 วันก่อนที่ได้ให้อาหารทางสายยางผ่านจมูกเข้าไปยังกระเพาะอาหารนั้น ท่านดูดีขึ้น อ่อนเพลียน้อยลง ช่วง 2 วันที่ผ่านมาเราถือว่าท่านแย่ลง เนื่องจากท่านฉันอาหารได้น้อยหรือไม่ฉันเลย สาเหตุมาจากตัววัณโรคเอง และยาให้การรักษาทำให้ท่านเบื่ออาหาร
อย่างไรก็ตาม ในการให้การรักษา แพทย์พบว่า มีปัญหาตับอักเสบเล็กน้อย ซึ่งเจอผลทางแล็บ ยังไม่ทำให้เกิดอาการ ส่วนอาการที่ทำให้แย่ลงเป็นผลมาจากวัณโรค และตัวยาที่รักษาทำให้แย่ลง และขอยืนยันหลวงพ่อคูณไม่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแต่อย่างใด
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า คณะแพทย์ได้เปลี่ยนแผนการรักษา โดยให้ยารักษาวัณโรคตัวใหม่แก่หลวงพ่อ แม้ยาตัวเก่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดก็ตาม หากคนไข้ไม่ตอบสนองหรือมีผลข้างเคียงมาก ก็จำเป็นจะต้องใช้ยาตัวใหม่ สูตรที่ประสิทธิภาพอาจจะด้อยลงมาเล็กน้อย และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
การให้ยารักษาตัวใดแก่หลวงพ่อ คณะแพทย์จะต้องปรึกษาทั้งผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลมหาราชเอง และอาจารย์โรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะศิริราชพยาบาลตลอดเวลา ขณะนี้ได้ให้ยารักษาวัณโรคตัวใหม่แก่หลวงพ่อคูณมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งต้องเฝ้าติดตามอาการและผลข้างเคียงของยาตัวใหม่นี้ทุกวัน
ทั้งนี้ การให้ยาตัวใหม่นี้ผลข้างเคียงจะปรากฏออกมาประมาณอีก 3-4 วันจึงจะประเมินอาการได้ แต่เท่าที่ดูหลังได้รับอาหารทางสายยางแล้ว หลวงพ่อมีอาการดีขึ้น คือ รับอาหารที่ให้ได้ อ่อนเพลียน้อยลงและสดชื่นขึ้นกว่าเดิม และยังรู้ตัวจำลูกศิษย์ใกล้ชิดได้ดี การขับถ่ายเป็นปกติ
ต่อข้อถามที่ว่า การห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ เพราะอาการหนักหรือไม่ นพ.พินิศจัย กล่าวว่า อาจจะเป็นในแง่ของภาพที่ออกไปสู่สาธารณชน ซึ่งหลวงพ่อมีสายยาง และเราต้องนึกถึงตัวหลวงพ่อด้วยว่า ท่านอยากที่จะให้ภาพนี้ออกไปหรือไม่
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วง 30 วันอันตรายและการปรับเปลี่ยนยาตัวใหม่นี้อาจทำให้หลวงพ่อคูณพักอยู่โรงพยาบาลนานขึ้นกว่าเดิม จากเมื่อก่อนที่เคยประเมินไว้ว่า จะให้ท่านพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 เดือน อาจจะต้องได้เลื่อนยาวออกไปอีก ส่วนจะนานมากเท่าใดนั้นต้องดูภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
นอกจากนี้ ขณะนี้จากการประเมินดูยังไม่จำเป็นจะต้องย้ายหลวงพ่อไปรักษาที่อื่น เนื่องจากคณะแพทย์ โรงพยาบาลมหาราชยังดูแลได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของคณะแพทย์ แต่หากอะไรที่เป็นประโยชน์กับหลวงพ่อคณะแพทย์พร้อมทำตามอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฝากบอกศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศว่า คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะดูแลหลวงพ่อคูณให้ดีที่สุด
