xs
xsm
sm
md
lg

คำฮิต..ที่นักการเมืองอัปรีย์-จัญไรเกลียด! (ตอนสอง) : แสลงตา-แสลงใจ “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา”

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

ย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา...เป็นคำยอดฮิตตรงใจประชาชนคนไทยอยู่ในตอนนี้!

ป้ายขนาดใหญ่ที่รณรงค์ให้คนไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยการ...โหวตโน หรือ ไม่ประสงค์จะเลือกผู้ใด ที่ตั้งตระหง่าน ณ เวทีชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งกำลังต่อสู้ปกป้องดินแดนไทยอยู่ตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งมีภาพเรือนร่างมนุษยแต่มีใบหน้าเป็นสัตว์ ทั้งควาย-เสือ-หมา-เหี้ย-ลิง พร้อมอักษรไทยตัวเบ้อเริ่มว่า...อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา!

ป้ายนี้...นักการเมืองไทยเห็นแล้ว แสลงตา-แสลงใจอย่างรุนแรง จนกินไม่ได้-นอนไม่หลับเพราะไม่ชอบที่พันธมิตรฯ เอานักการเมืองไปเปรียบกับสัตว์ครับ

งานนี้ทำให้โปลิศใหญ่หลายคนที่ชอบเชลียร์นักการเมืองที่มีอำนาจ แสดงความบ้องตื้นว่า พันธมิตรฯ ต้องปลดป้าย “สัตว์การเมือง” นี้ลงโดยด่วน เพราะไม่สุภาพ-ไม่เหมาะสม-ไม่ต้องตา-ไม่ต้องใจสัตว์การเมืองทั้งหลาย

โถ...พ่อคุณทูนหัวรู้ไว้ด้วยนะว่า อริสโตเติลสรุปว่า มนุษย์คือสัตว์การเมือง!

หมายถึง มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมโดยธรรมชาติ เพราะรัฐเป็นส่วนที่สามารถอำนวยประโยชน์ให้มนุษย์ได้พัฒนารูปแบบของตน หรือพัฒนาลักษณะเฉพาะของตน นั่นคือ ความมีเหตุผลของมนุษย์ รัฐจึงสามารถทำให้มนุษย์มีคุณธรรมทางปัญญาได้

แน่นอน..หากมนุษย์คนไหนเป็นสัตว์การเมืองที่ดี ก็ย่อมถูกยกย่องว่า..อยู่เหนือสัตว์หรือเป็นมนุษย์เต็มตัว แต่หากเป็นสัตว์การเมืองที่สารเลว ก็ต้องถือว่า..มิใช่มนุษย์..เพราะสมองต่ำช้ากว่าสัตว์ทั้งปวงว่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า...

เรื่องของสัตว์การเมืองนั้น George Orwell นักเขียนชาวอังกฤษได้สร้างวรรณกรรมชิ้นอมตะแนวเสียดสีการเมือง เรื่อง Animal Farm ตีพิมพ์เมื่อ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) มีการแปลเป็นภาษาไทยหลายเวอร์ชัน อีกทั้งมีคนเคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ กับทำเป็นละครเวทีเผยแพร่ไปแล้ว

Animal Farm เป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองสหภาพโซเวียตรัสเซียในยุคเผด็จการคอมมิวนิสต์ โดยสมมติตัวละครเป็นสัตว์นานาชนิดใน “ไร่แมนเนอร์” กำหนดให้หมู 2 ตัวที่มีชื่อว่า “สโนว์บอล” กับ “นโปเลียน” เป็นตัวเอกในการเดินเรื่อง

สนุกแค่ไหน..สัตว์การเมืองไทยควรไปหาอ่านเอาเองนะ แต่ปราชญ์ชาวกรีกและกูรูหลายชาติพันธุ์ในโลก ได้ขีดเขียนเรื่องราวของมนุษย์กับสัตว์ที่ต่างกันไว้ดังนี้

นับแต่มนุษย์ที่มีวิวัฒนาการมาจากวานร รู้จักใช้ไฟและเครื่องมือทุ่นแรงในการยังชีพ ทั้งท่อนไม้ หอกไม้ ฯลฯ ในที่สุดก็พัฒนาไปจนรู้จักเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์...หรือเรียกว่า “การผลิต” ทำให้มนุษย์แปรเปลี่ยนจากสัตว์ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย

ปัจจุบัน มนุษย์รู้จักใช้เครื่องมือทันสมัย เช่น รถยนต์ เครื่องบิน รถแทรกเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดสร้างขึ้นมา เพื่อใช้ประโยชน์แก่การดำรงอยู่และการขยายตัวของมนุษยชาติทั้งสิ้น ซึ่งเรียกกันว่า “ความเจริญก้าวหน้า” ซึ่งบางส่วนได้ล้ำเกินธรรมชาติไปแล้ว เช่น การสร้างฝนเทียม สร้างเขื่อน ปลูกป่า เปลี่ยนทะเลทรายให้เป็นไร่นาอันเขียวชอุ่ม กระบวนการเช่นนี้ไม่ใช่การ “หากิน” ดังเช่นที่สัตว์ประเภทอื่นกระทำกัน หากแต่เป็นการผลิตของมนุษย์

ส่วนสัตว์ประเภทอื่น แม้ว่าจะเป็นสัตว์จำพวกลิงซึ่งว่องไวและฉลาดเฉลียว ก็ไม่สามารถประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือขึ้นใช้ได้อย่างมนุษย์ สัตว์มีปัญญาอย่างมากก็แค่ใช้เล็บใช้ฟัน ดังที่เคยใช้มาอย่างซ้ำซากนับพันนับหมื่นปีอยู่นั่นเอง

เห็นไหมครับว่า...มนุษย์กับสัตว์ต่างกันตรงสมอง และความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมหรือจิตสาธารณะที่ดีไงล่ะ

สัตว์การเมืองไทยส่วนใหญ่นั้น มีพฤติกรรมที่ชั่วร้ายมาตลอด จึงถูกเปรียบให้เป็นเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-ควาย-หมา-เหี้ย ฯลฯ เพราะนักการเมืองไทยได้สร้างวงจรอุบาทว์ ที่เริ่มด้วยการซื้อเสียงเลือกตั้ง-ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน-ใช้อำนาจรัฐเพื่อการโกงกิน ทำให้สังคมไทยจมอยู่กับการเห็นแก่ตัว-เห็นแก่ได้ หลงในลาภยศเงินทอง กลายเป็นสังคมที่ด้อยคุณธรรม-ศีลธรรม-จริยธรรม-ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ

เมื่อคนไทยทนความชั่วของสัตว์การเมืองไทยต่อไปได้ จึงเกิดโครงการต่อต้านสัตว์การเมืองอัปรีย์-จัญไรเข้าสภา ด้วยการรณรงค์ให้คนไทยออกมาใช้สิทธิ...โหวตโน หรือลงคะแนนในช่อง “ไม่ประสงค์จะเลือกผู้ใด” ไงล่ะครับ

อืม..ดี..เพราะคนต้องอยู่กับคน-สัตว์ก็ต้องอยู่กับสัตว์ ศูนย์การค้าใหญ่หลายแห่งจึงติดป้าย..ห้ามนำสุนัขเข้าห้างฯ แถมร้านอาหารหลายแห่ง..ก็ห้ามนำสัตว์เข้าร้านเช่นกัน

สภาฯ..เป็นสถานที่สำหรับมวลมนุษย์อันทรงเกียรติ ใช้เป็นที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมนุษย์..ไม่ได้สร้างสภาฯ ให้สัตว์-คนใจสัตว์- คนสมองต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานมาเที่ยวเดินเพ่นพ่านหรือคลานยั้วเยี้ย หรือใช้สภาฯ เป็นพื้นที่ผสมพันธุ์ของเหล่าสารพัดสัตว์นี่นา..จริงไหม?

ป้าย “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” จึงดังระเบิดเถิดเทิง เพราะตรงกับใจคนไทยทั้งชาติครับ!
กำลังโหลดความคิดเห็น