“ประมุขแห่งรัฐอยู่เหนือการเมือง ชาติก็แหลกลาญ” ปรารภดังที่ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวย้ำว่า "สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง”
คำพูดในทำนองนี้ เหมือนดูดีหากไม่วิเคราะห์ให้เห็นถูกเห็นผิด บังควรไม่บังควร เทิดทูนหรือลิดรอนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ จะเห็นได้ว่านักการเมืองอื่นๆ รวมทั้งนักวิชาการในเครือข่ายของลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ล้วนพูดในทำนองนี้เช่นกัน
ดร.สุเมธ "วอนทุกฝ่ายอย่าดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมการเมือง เพราะพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมืองเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ระบุ กกต.ทำไมต้องมากำหนด ชี้ควรมีจิตสำนึกเองอะไรควรไม่ควร สถาบันเราต้องเทิดทูนอยู่เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม” ทั้งนายอภิสิทธิ์และ ดร.สุเมธ อาจจะหวังดี แต่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการทางรัฐศาสตร์ ท่านเป็นผู้ใหญ่และประชาชนโดยทั่วไปคิดว่า ดร.สุเมธ อยู่ใกล้ชิดพระองค์ คนอื่นๆ เลยเอามาพูดตาม เช่น นายกฯ เอามาพูดตาม แต่พูดผิดและเป็นการพูดเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าที่จะเทิดทูน ปัญหานี้เป็นมานับตั้งเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญโดยคณะราษฎร หรือเปลี่ยนอำนาจสูงสุดเดิมเป็นของพระมหากษัตริย์มาเป็นของคณะผู้ปกครองชนส่วนน้อยเพียงหยิบมือเดียว ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือและเป็นทาสทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ
ขอถามพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ (พรรคการเมืองทุกพรรค) หน่อยเถอะว่า มีที่ไหนในโลก มีที่ไหนบ้างที่ประมุขแห่งรัฐอยู่เหนือการเมือง ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ประมุขแห่งรัฐจะอยู่เหนือการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นประเทศนั้นๆ อาจจะมีพระมหากษัตริย์ (King) เป็นประมุขก็ตามอำนาจของประมุขแห่งรัฐ ที่สำคัญๆ ได้แก่ 1. เป็นจอมทัพ หรือมียศตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ 2. มีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 3. มีอำนาจปลดนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่ต้องการเพราะคอร์รัปชันหรือบริหารล้มเหลว 4. ประกาศสงคราม 5. ประกาศยุติสงคราม 6. แก้ไขเหตุวิกฤตชาติอันสำคัญยิ่งยวด โดยที่สถาบันอื่นที่ต่ำกว่าไม่สามารถแก้ไขได้ 7. ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านองค์กรอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ฯลฯ
อย่างนี้แล้ว ประมุขแห่งรัฐจะอยู่เหนือการเมืองได้อย่างไร แม้ว่าบางประเทศจะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ก็ไม่อาจจะอยู่เหนือการเมืองได้ แต่ความถูกต้องโดยทั่วไปพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการปกครอง เช่น ไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลทางการปกครอง โดยมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้นๆ จะเป็นผู้รับผิดชอบแทน เช่น ประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี เป็นต้น
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติโครงสร้างของการเมืองการปกครองของไทยไว้ในหมวด 1 บททั่วไป ดังนี้
มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นี่ก็เป็นความเห็นผิด บัญญัติผิด เป็นการทำลาย ลิดรอนพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์โดยจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม ผิดทั้งทางรัฐศาสตร์และผิดทั้งทางอักษรศาสตร์ ทางรัฐศาสตร์ “พระมหากษัตริย์” เป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ใช่ประมุขระบอบฯ ซึ่งแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดของพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นทายาทแนวคิดของบางฝ่ายในคณะราษฎรที่ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เห็นกันอยู่ว่ามีอยู่ในทุกพรรคการเมืองและแวดวงนักวิชาการ นักเขียนอ่านดูได้จากหนังสือพิมพ์มติชน ในทางอักษรศาสตร์ “พระมหากษัตริย์” ในความหมายนี้เป็นตำแหน่งพระมหากษัตริย์ไม่ใช่บุคคล จึงไม่จำเป็นต้องใส่คำว่า “ทรง”
การปลูกฝังแนวคิดผิดๆ ที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง” พระมหากษัตริย์ในที่นี้คือบุคคล แนวคิดนี้ก็คือไม่อยากให้ประมุขแห่งรัฐซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเหตุเพราะการเมืองสกปรก การเมืองสกปรกเพราะเป็นการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญ เผด็จการโดยพรรค ฯลฯ อันที่จริง ประมุขแห่งรัฐจำเป็นต้องใช้อำนาจเพื่อแก้ไขการเมืองให้เป็นการเมืองโดยธรรม “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่า การเมืองไทยเป็นการเมืองน้ำเน่า และไม่มีสถาบันใด องค์กรที่จะแก้ไขได้ และมีเพียงสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่ประชาชนไว้วางใจเพื่อแก้ไขเหตุวิกฤตชาติอันยิ่งใหญ่นี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ก็ประจักษ์ชัดกันแล้วไม่ใช่หรือว่า ทุกพรรคการเมือง ทุกรัฐบาล ไม่มีปัญญา ไม่มีความสามารถในการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้เลย มีแต่เข้ามาปล้นชาติ
หากแนวคิด “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง” ก็แสดงว่า พวกเขายินยอมให้พวกนักการเมืองลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญร่วมกันคอร์รัปชันปล้นชาติต่อไป ก็เท่ากับว่าทำลายชาติ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง เพราะพวกเขาพร่ำพูดหลอกลวงบิดเบือนอยู่เสมอว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ความเข้าใจที่ผิดไปจากความเป็นจริง “การเมืองการปกครองเป็นเผด็จการแต่กลับบิดเบือนว่าเป็นประชาธิปไตย ประมุขแห่งรัฐแต่กลับถูกบิดเบือนให้เป็นประมุขระบอบ” เช่นนี้แล้ว ใคร? ลิดรอนพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ อีกทั้งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ตกต่ำลงๆ อย่างแยบยลที่สุด ขอให้ปัญญาชนนำไปพิจารณาอย่างจริงๆ จังๆ เถิด
คำพูดในทำนองนี้ เหมือนดูดีหากไม่วิเคราะห์ให้เห็นถูกเห็นผิด บังควรไม่บังควร เทิดทูนหรือลิดรอนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ จะเห็นได้ว่านักการเมืองอื่นๆ รวมทั้งนักวิชาการในเครือข่ายของลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ล้วนพูดในทำนองนี้เช่นกัน
ดร.สุเมธ "วอนทุกฝ่ายอย่าดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมการเมือง เพราะพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมืองเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ระบุ กกต.ทำไมต้องมากำหนด ชี้ควรมีจิตสำนึกเองอะไรควรไม่ควร สถาบันเราต้องเทิดทูนอยู่เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม” ทั้งนายอภิสิทธิ์และ ดร.สุเมธ อาจจะหวังดี แต่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการทางรัฐศาสตร์ ท่านเป็นผู้ใหญ่และประชาชนโดยทั่วไปคิดว่า ดร.สุเมธ อยู่ใกล้ชิดพระองค์ คนอื่นๆ เลยเอามาพูดตาม เช่น นายกฯ เอามาพูดตาม แต่พูดผิดและเป็นการพูดเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าที่จะเทิดทูน ปัญหานี้เป็นมานับตั้งเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญโดยคณะราษฎร หรือเปลี่ยนอำนาจสูงสุดเดิมเป็นของพระมหากษัตริย์มาเป็นของคณะผู้ปกครองชนส่วนน้อยเพียงหยิบมือเดียว ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือและเป็นทาสทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ
ขอถามพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ (พรรคการเมืองทุกพรรค) หน่อยเถอะว่า มีที่ไหนในโลก มีที่ไหนบ้างที่ประมุขแห่งรัฐอยู่เหนือการเมือง ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ประมุขแห่งรัฐจะอยู่เหนือการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นประเทศนั้นๆ อาจจะมีพระมหากษัตริย์ (King) เป็นประมุขก็ตามอำนาจของประมุขแห่งรัฐ ที่สำคัญๆ ได้แก่ 1. เป็นจอมทัพ หรือมียศตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ 2. มีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 3. มีอำนาจปลดนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่ต้องการเพราะคอร์รัปชันหรือบริหารล้มเหลว 4. ประกาศสงคราม 5. ประกาศยุติสงคราม 6. แก้ไขเหตุวิกฤตชาติอันสำคัญยิ่งยวด โดยที่สถาบันอื่นที่ต่ำกว่าไม่สามารถแก้ไขได้ 7. ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านองค์กรอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ฯลฯ
อย่างนี้แล้ว ประมุขแห่งรัฐจะอยู่เหนือการเมืองได้อย่างไร แม้ว่าบางประเทศจะมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ก็ไม่อาจจะอยู่เหนือการเมืองได้ แต่ความถูกต้องโดยทั่วไปพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการปกครอง เช่น ไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลทางการปกครอง โดยมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้นๆ จะเป็นผู้รับผิดชอบแทน เช่น ประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี เป็นต้น
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติโครงสร้างของการเมืองการปกครองของไทยไว้ในหมวด 1 บททั่วไป ดังนี้
มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นี่ก็เป็นความเห็นผิด บัญญัติผิด เป็นการทำลาย ลิดรอนพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์โดยจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม ผิดทั้งทางรัฐศาสตร์และผิดทั้งทางอักษรศาสตร์ ทางรัฐศาสตร์ “พระมหากษัตริย์” เป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ใช่ประมุขระบอบฯ ซึ่งแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดของพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นทายาทแนวคิดของบางฝ่ายในคณะราษฎรที่ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เห็นกันอยู่ว่ามีอยู่ในทุกพรรคการเมืองและแวดวงนักวิชาการ นักเขียนอ่านดูได้จากหนังสือพิมพ์มติชน ในทางอักษรศาสตร์ “พระมหากษัตริย์” ในความหมายนี้เป็นตำแหน่งพระมหากษัตริย์ไม่ใช่บุคคล จึงไม่จำเป็นต้องใส่คำว่า “ทรง”
การปลูกฝังแนวคิดผิดๆ ที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง” พระมหากษัตริย์ในที่นี้คือบุคคล แนวคิดนี้ก็คือไม่อยากให้ประมุขแห่งรัฐซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเหตุเพราะการเมืองสกปรก การเมืองสกปรกเพราะเป็นการเมืองเผด็จการรัฐธรรมนูญ เผด็จการโดยพรรค ฯลฯ อันที่จริง ประมุขแห่งรัฐจำเป็นต้องใช้อำนาจเพื่อแก้ไขการเมืองให้เป็นการเมืองโดยธรรม “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่า การเมืองไทยเป็นการเมืองน้ำเน่า และไม่มีสถาบันใด องค์กรที่จะแก้ไขได้ และมีเพียงสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่ประชาชนไว้วางใจเพื่อแก้ไขเหตุวิกฤตชาติอันยิ่งใหญ่นี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ก็ประจักษ์ชัดกันแล้วไม่ใช่หรือว่า ทุกพรรคการเมือง ทุกรัฐบาล ไม่มีปัญญา ไม่มีความสามารถในการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้เลย มีแต่เข้ามาปล้นชาติ
หากแนวคิด “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง” ก็แสดงว่า พวกเขายินยอมให้พวกนักการเมืองลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญร่วมกันคอร์รัปชันปล้นชาติต่อไป ก็เท่ากับว่าทำลายชาติ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง เพราะพวกเขาพร่ำพูดหลอกลวงบิดเบือนอยู่เสมอว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ความเข้าใจที่ผิดไปจากความเป็นจริง “การเมืองการปกครองเป็นเผด็จการแต่กลับบิดเบือนว่าเป็นประชาธิปไตย ประมุขแห่งรัฐแต่กลับถูกบิดเบือนให้เป็นประมุขระบอบ” เช่นนี้แล้ว ใคร? ลิดรอนพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ อีกทั้งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ตกต่ำลงๆ อย่างแยบยลที่สุด ขอให้ปัญญาชนนำไปพิจารณาอย่างจริงๆ จังๆ เถิด