xs
xsm
sm
md
lg

แอมเวย์ซุ่มโค่นเอวอน อัด5กลยุทธ์เพิ่มงบ2เท่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – แอมเวย์ ประกาศก้าวบัลลังก์ผู้นำธุรกิจขายตรงโลกปี 2563 ลั่นโค่นเอวอนผู้นำตลาดขายชั้นเดียว วางหมัดนิวทริไลท์-อาร์ทิสทรี ผู้นำตลาดเพื่อสุขภาพและความงาม อัด 5กลยุทธ์รุกตลาด เทงบการตลาดเพิ่ม 2 เท่าตัว ตอกย้ำแบรนด์และใกล้ชิดกับผู้บริโภค ปั้นนักธุรกิจ ตั้งเป้า 9 ปี ครองแชร์มากกว่า 12% นิวทริไลท์รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ส่วนอาร์ทิสทรี ผงาดท็อปไฟว์ของโลก สิ้นปีแอมเวย์ไทยโต 7-10% จากรายได้ปีที่ผ่านมา 14,370 ล้านบาท

นางแคนเดซ แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้นแอมเวย์ เปิดเผยว่า เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของแอมเวย์นับจากนี้ ต้องการขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงของโลกในปี 2563 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้านี้ ด้วยการครองส่วนแบ่งมากกว่า 12% แทนที่เอวอน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดขายตรงชั้นเดียว จากปัจจุบันแอมเวย์มีส่วนแบ่ง 9.7% และนับว่าเป็นผู้นำตลาดธุรกิจขายตรงหลายชั้นของโลก ในปีที่ผ่านมา แอมเวย์มีการเติบโต 0.2% หรือมีรายได้ 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับเอวอนธุรกิจไม่เติบโต
สำหรับยุทธศาสตร์แอมเวย์ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดธุรกิจทั้งขายตรงชั้นเดียวและหลายชั้น มุ่งเน้นโฟกัส 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและโภชนาการ ภายใต้แบรนด์”นิวทริไลท์” วางเป้าหมายตอกย้ำการเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในปี 2563 โดยการพัฒนาสินค้าที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค และตอบสนองกับจำนวนประชากรวัยสูงอายุที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือเจเนอเรชั่นวาย และรองรับกับภาวะโรคอ้วนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน นิวทริไลท์ เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ของโลกครองส่วนแบ่ง 4.7%

นอกจากนี้ บริษัทยังวางเป้าหมายกลุ่มสินค้าเพื่อความงาม เครื่องสำอางอาร์ทิสทรี ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงอีกกลุ่มหนึ่ง โดยในปี 2563 จะขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาด และหากขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาด ต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 9 ปี จากปัจจุบันครองส่วนแบ่ง 1.7% โดยกลยุทธ์อาร์ทิสทรี คือ การทำให้กลุ่มเป้าหมายดูดีอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เป้าหมายของแอมเวย์ต้องการให้คนทั่วโลกรู้จักแบรนด์นิวทริไลท์และอาร์ทิสทรี โดยได้รับการยอมรับเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามในปี 2563

สำหรับแผนการตลาดแอมเวย์ทั่วโลก โฟกัส 5 กลยุทธ์ คือ 1.การสร้างความแข็งแกร่งใหักับแบรนด์และการบริการให้กับผลิตภัณฑ์หลักของแอมเวย์ 2.การสร้างความใกล้ชิดของแบรนด์ผลิตภัณฑ์กับนักธุรกิจและผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย อาทิ พัฒนาแนวทางที่สร้างการมีสุขภาพที่ดี เช่น การจัดโครงการควบคุมน้ำหนัก การส่งเสริมการมีสุขภาพผิวที่ดี และ3.พัฒนาโซลูชั่นครอบคลุมสินค้าและบริการ 4.ต้องการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้บริโภคและนักธุรกิจ 5.วางการขับเคลื่อนโดยพัฒนาธุรกิจสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ

“แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่นมีแผนการตลาด 3-5ปีข้างหน้า พร้อมทั้งศึกษาแนวโน้มของผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าหลาย 10 ปี ทำให้มั่นใจว่า แอมเวย์จะเป็นผู้นำตลาดขายตรงด้วยกลยุทธ์ที่สอดคล้องในธุรกิจ รวมทั้งมีแผนรองรับได้กับทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก และจากการดำเนินตลาดเชิงรุก จะช่วยสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้ความมีความแข็งแกร่ง และตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย และช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่ง ”

นางแคนเดซ กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มงบการตลาด 2 เท่าตัว นับตั้งแต่ในช่วง 4 ปีนี้ เพื่อทำให้แบรนด์แอมเวย์เป็นที่รู้จักกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสื่อออนไลน์ ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ด้วยการเปิด 3 เฟซบุค คือ แอมเวย์ อาร์ทิสทรี และนิวทริไลท์ หรือกระทั่งสร้างแอพพลิเคชั่นช่วยให้นักธุรกิจสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้บนโทรศัพท์ การเปิดพัฒนาแอมเวย์ช็อป เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้นและทำให้ผลิตภัณฑ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภค ซึ่งประเทศไทยมี 48 สาขา ล่าสุดที่กำลังจะเปิด คือ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่

นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนการตลาดปีนี้ มุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ และเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี เครื่องกรองน้ำอีสปริง และเครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์ ซึ่งปัจจุบันการรับรู้ตราสินค้าของแบรนด์มีการรับรู้ 99% และ45% ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาสแรก เติบโต 7-10% ตามเป้าหมาย มั่นใจว่าสิ้นปีนี้บริษัทมียอดขายเติบโต 7-10% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 14,370 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ 34% เครื่องสำอางอาร์ทิสทรี 20% และกลุ่มเครื่องกรองน้ำอีสปริง 20% จากปัจจุบันแอมเวย์เป็นผู้นำตลาดขายตรง ครองส่วนแบ่ง 27% จากมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น