นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 70%จากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษทมีกำไรสุทธิรวม 3,479 ล้านบาท จากยอดขายรวม 45,744 ล้านบาท โดยกำไรเพิ่มขึ้น 70% จากไตรมาสที่ 4 ปี 53 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8%จากระยะเวลาเดียวกันของปี 53 ซึ่งยอดขายจากกิจการในและต่างประเทศล้วนเติบโต ทำให้สัดส่วนยอดขายของกิจการในประเทศคิดเป็น 74%และกิจการต่างประเทศคิดเป็น 26% ของยอดขายรวม ส่วนใหญ่มาจากอัตรากำไรขั้นต้นซึ่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก และด้วยการบริหารจัดการให้ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดลง ทำให้กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8%
โดยกิจการในต่างประเทศในภาพรวมมีการเติบโตตามที่คาดไว้ โดยเฉพาะประเทศอินเดียและประเทศมาเลเซีย และในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากประเทศกัมพูชาที่บริษัทได้เข้าลงทุนไปเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ ณ วันนี้ CPF มีการลงทุนในต่างประเทศครอบคลุม 11 ประเทศ และบริษัทได้เร่งขยายกิจการในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งได้ศึกษาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย
นายอดิเรกกล่าวว่า แม้ว่าปีนี้ต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตของกำไร จากการขยายตลาดการจำหน่ายสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการขยายช่องทางจำหน่ายค้าปลีก ทั้งผ่าน ซีพีเฟรชมาร์ท และกิจการห้าดาวของบริษัทเอง ประกอบกับการขยายกิจการในต่างประเทศ ไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการเนื้อสัตว์ในการบริโภคสูง และจากการให้ความสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้บริษัทมีต้นทุนและศักยภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จึงยังมั่นใจปีนี้ผลการดำเนินงานน่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ประมาณ 10-15% จากปี 53
โดยกิจการในต่างประเทศในภาพรวมมีการเติบโตตามที่คาดไว้ โดยเฉพาะประเทศอินเดียและประเทศมาเลเซีย และในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากประเทศกัมพูชาที่บริษัทได้เข้าลงทุนไปเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ ณ วันนี้ CPF มีการลงทุนในต่างประเทศครอบคลุม 11 ประเทศ และบริษัทได้เร่งขยายกิจการในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งได้ศึกษาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมด้วย
นายอดิเรกกล่าวว่า แม้ว่าปีนี้ต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตของกำไร จากการขยายตลาดการจำหน่ายสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการขยายช่องทางจำหน่ายค้าปลีก ทั้งผ่าน ซีพีเฟรชมาร์ท และกิจการห้าดาวของบริษัทเอง ประกอบกับการขยายกิจการในต่างประเทศ ไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการเนื้อสัตว์ในการบริโภคสูง และจากการให้ความสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้บริษัทมีต้นทุนและศักยภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จึงยังมั่นใจปีนี้ผลการดำเนินงานน่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ประมาณ 10-15% จากปี 53
