ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แพทย์รพ.ศิริราช รุดตรวจอาการอาพาธ “พ่อคูณ” พร้อมให้คำแนะนำในการรักษาแก่คณะแพทย์รพ.มหาราชนครราชสีมา ชี้เป็นภาวะติดเชื้อในปอดเรื้อรัง ต้องรักษาอย่างน้อย 6 เดือน คาดต้องให้พ่อคูณพักที่โรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 1 เดือน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการข้างเคียงหลังการให้ยาและเฝ้าระวังไม่ให้ติดเชื้อซ้ำซ้อน เผยประเมินอาการตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องย้ายไปรักษากรุงเทพฯ ระบุอาจเกิดปัญหามากกว่าแก้ปัญหา
วานนี้ ( 8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ด้วยภาวะปอดอักเสบและมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด
ทั้งนี้ อาการอาพาธโดยรวมทรงตัว หลวงพ่อคูณยังคงมีอาการอ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอดทั้ง 2 ข้าง ฉันภัตตาหารได้น้อยกว่าวันก่อน ขณะที่แพทย์ยังคงให้การรักษาด้วยการพ่นยาขยายหลอดลมทุก 4 ชั่วโมง และฉีดยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อเข้าหลอดเลือดดำ พร้อมให้น้ำเกลือเพื่อให้หลวงพ่อมีแรง และแพทย์ได้ให้นักกายภาพบำบัดมาทำกายภาพบำบัดให้หลวงพ่อคูณ เพื่อให้แขนขามีแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ พร้อมคณะทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ประกอบด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และ นพ.ธนากรณ์ อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้เข้าตรวจอาการของหลวงพ่อคูณอย่างละเอียด โดยใช้เวลานานกว่า ครึ่งชั่วโมง พร้อมแนะนำให้หลวงพ่อฉันภัตตาหารให้มาก และหมั่นทำกายภาพบำบัดฝึกการหายใจ และพักผ่อนให้มาก จากนั้นคณะแพทย์ได้ปรึกษาหารือกันใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง (ชม.) โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด
รศ. นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า จากการตรวจร่างกายหลวงพ่อพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งคณะแพทย์ที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาให้การดูแลเป็นอย่างดี และคนไข้ตอบสนองต่อการรักษา ซึ่งภาวะปอดอักเสบคงต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน รายละเอียดต่างๆ ได้ให้คำแนะนำแก่คณะทีมแพทย์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาไปแล้ว
ด้าน นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า อาการโดยรวมหลวงพ่อยังทรงตัวคล้ายกับเมื่อวันก่อน จากการเอกซเรย์ปอดดูเหมือนว่า จะดีขึ้นบ้างเล็กน้อย น้ำในปอดลดลงเล็กน้อย และ อาจารย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มาช่วยตรวจและให้คำแนะนำ ซึ่งที่ผ่านมาทางทีมแพทย์เราก็ปรึกษาคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชมาตลอดอยู่แล้ว ซึ่งท่านได้ให้คำแนะนำในการรักษา
สรุปแล้วหลวงพ่อ มีภาวะติดเชื้อในปอดเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาด้วยยาเป็นเวลานานอย่างน้อย 6 เดือน และในระยะแรกที่หลวงพ่อรับยาก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งจากตัวโรคเองและยาที่ให้ ฉะนั้นจึงต้องดูแลหลวงพ่อให้อยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าจะปลอดภัยซึ่งเชื่อว่าอย่างน้อยน่าจะ 1 เดือน
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า ในแง่ของการวินิจฉัย เนื่องจากหลวงพ่อมีบารมีมากใครก็ให้คำปรึกษา ซึ่งทั้ง 2 โรงพยาบาลคือ โรงพยาบาลศิริราช และ โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็วินิจฉัยเหมือนกันและการรักษาก็มาในทางเดียวกัน
ส่วนจะย้ายหลวงพ่อคูณไปรักษาที่กรุงเทพฯ หรือไม่ นพ.พินิศจัย กล่าวว่า คงต้องดูเป็นระยะ ๆ ซึ่งเราก็อยู่ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอยู่แล้ว และปัจจุบันนี้เป็นโลกไอที เอกซเรย์ที่นี่ที่กรุงเทพฯ ก็มองเห็นได้ ฉะนั้นการปรึกษาในแง่ของการดูแลหลวงพ่อไม่น่ามีปัญหา แต่หากหลวงพ่อมีปัญหาเมื่อไหร่เราก็พร้อมที่จะส่งไปรักษาที่กรุงเทพฯ ทันทีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เท่าที่ดูโดยรวมหากส่งท่านไปตอนนี้อาจจะเกิดปัญหามากกว่าแก้ปัญหา เพราะท่านเพิ่งเริ่มฟื้น ฉันภัตตาหารได้เล็กน้อย หากให้ท่านเดินทางอาจมีปัญหาเกิดขึ้นมาได้
ขณะที่ นพ.ธนากรณ์ อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า การให้ยารักษาหลวงพ่อ นั้นจะมีการเพิ่มยาขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้คงต้องค่อย ๆ เพิ่ม เนื่องจากหลวงพ่ออายุมากแล้วต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อย ให้เพิ่มทีละตัวและสังเกตผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการให้ยาด้วย เพราะต้องใช้ยาหลายตัว ซึ่งโรคดังกล่าวนี้หากได้รับยาครบก็มีโอกาสหายขาดได้ สิ่งสำคัญตอนนี้คงต้องขอความร่วมมือในการงดเยี่ยมเด็ดขาด