วานนี้ (6 พ.ค.) พรรคเพื่อไทย จัดเวที "เสวนาร่วมใจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กลุ่มแท็กซี่ และกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง" โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิงก์ มารับฟังปัญหาและความต้องการของกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และผู้ขับรถแท็กซี่ กว่า 200 คน ที่เข้าร่วมงาน ซึ่งมีสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาทิ นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรค นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองประธานภาคกทม. เข้าร่วมรับฟัง
นายสนอง การะเกษ อุปนายกสมาคมแท็กซี่ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่อยากมีรถแท็กซี่เป็นของตัวเอง เพราะค่าเช่าราคาแพง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือเรื่องเงินดาวน์ รวมถึงการผ่อนชำระในราคาถูก เพื่อนำเงินมาดูแลครอบครัว นอกจากนี้ภาษีรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรค์ในการเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ และ ดอกเบี้ยก็แพงกว่ารถยนต์ทั่วไป นอกจากนี้อยากให้เข้ามาช่วยลดเงื่อนไขการค้ำประกันกับธนาคาร เพราะมีเงื่อนไขมาก
ด้านนายเฉลิม ช่างทองมะดัน นายกสมาคมมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แสดงความต้องการคล้ายกับกลุ่มแท็กซี่ว่า อยากได้รถมอเตอร์ที่มีต้นทุนราคาถูก รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ในการขับขี่ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องจ่ายส่วนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกลุ่มมอเตอร์ไซค์พร้อมที่จะเข้าร่วมกับโครงการตาสับปะรด ของรัฐในการให้ข้อมูลเบาะแสของผู่ก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ขอให้จัดหาพื้นที่จอดที่เหมาะสม อย่างถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการเรียกเก็บเงิน
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลไม่เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง จึงแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ทั้งนี้จะคิดภาษีในราคาที่ต่ำลง จากปกติ 8 แสนบาทต่อคันให้อยู่ที่ 6 แสนบาท และให้แท็กซี่ด้วยกัน สามารถค้ำประกันเองได้ โดยจะมีทีมงานเข้ามาดูแลในเรื่องของเงื่อนไขการค้ำประกัน
พร้อมกันนี้ จะทำบัตรเครดิตให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ใช้เติมน้ำมัน โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดทันที โดยให้วงเงินประมาณ 4,000 บาท เพื่อให้เป็นเงินหมุนเวียนค่าใช้จ่าย ส่วนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ประสบปัญหาเรื่องอิทธิพลนั้น ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ที่มาจากระบบมีปัญหาในการซื้อตำแหน่ง จึงต้องหารายได้จากช่องทางอื่น ซึ่งต้องปรับระบบให้มีการเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่รังแกกัน
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนอดทน เพราะอีกไม่นานอำนาจจะกลับมาอยู่กับประชาชน ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสิน หากอยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ก็เลือกรัฐบาลที่คิดว่าจะเข้าแก้ไขปัญหาประเทศได้ พร้อมกันนี้เชื่อว่าประชาชนขณะนี้มีความฉลาด ไม่สามารถซื้อเสียงได้เหมือนที่ผ่านมา
** พท.ใช้ยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กล่าวว่าหลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนในภาคเหนือและอีสาน ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนอย่างมาก และเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย จะประสบความสำเร็จงดงาม ซึ่งประชาชนในต่างจังหวัดตื่นตัวกันมาก และขานรับนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยตามยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้น ที่วางไว้
"โดยยุทธศาสตร์ ขั้นแรกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้เปิดนโยบายแล้ว ขั้นที่สองพรรคเพื่อไทย และแกนนำทุกคนจะต้องนำนโยบายไปสู่ประชาชนซึ่งสองขั้นผ่านไปแล้วระดับหนึ่ง ที่สำคัญคือ ขั้นที่สาม การเร่งรณรงค์ให้ประชาชนนำนโยบายสื่อสารกับประชาชนซึ่งประชาชนจะช่วยผลักดันนโยบายแทนพรรค ถ้าทำได้สำเร็จตามยุทธศาสตร์นี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ก็มีสูงมาก" นายณัฐวุฒิ กล่าว และยืนยันว่า ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะไม่มีกลุ่มเสื้อแดงตามไปป่วนฝ่ายตรงข้าม
"ที่น่าเป็นห่วงก็คือการใช้อำนาจรัฐ หรืออำนาจนอกระบบ เพื่อหวังกำหนดผลในการเลือกตั้งมากกว่า" นายณัฐวุฒิกล่าว
** วอนหยุดให้ร้าย "เหนาะ-เจ๊มิ่ง"
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องรอการตัดสินใจของผู้ใหญ่ในพรรคก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุสาเหตุที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน กลับเข้าสู่พรรคเพื่อไทย เพราะนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เรียกเงินเป็นจำนวนมาก ในการร่วมจัดตั้งพรรคใหม่นั้น นายไพจิต ระบุว่า ตนไม่อยากให้ใครก้าวล่วง ทั้งนายเสนาะและนายมิ่งขวัญ เพราะถือเป็นผู้ใหญ่ในวงการเมือง และช่วงที่นายมิ่งขวัญไม่อยู่ ก็เป็นช่วงที่การเมืองวุ่นวาย ซึ่งภายหลังก็ได้ออกมาแสดงความชัดเจนว่า ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว
**จีบ"เหนาะ"ปลุกปั้น"พลังชล"
นายสุระ เตชะทัต ผู้ประสานงานพรรคพลังชล เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ส.จากพรรคกิจสังคม ได้ตอบรับที่จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคแล้ว เพราะเห็นด้วยในแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม และในเร็วๆนี้นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล จะเดินทางไปพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชด้วย หลังจากที่นายเสนาะ ยังไม่ตอบรับว่าจะเข้าร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไร โดยการไปพบนายเสนาะ ก็เพื่อไปบอกถึงแนวทาง และนโยบายของพรรคที่มุ่งหวังจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม ซึ่งหวังว่าจะให้นายเสนาะ มาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คอยให้คำปรึกษาแก่พรรคพลังชล
**ดักคอ"ลูกเหลิม"ซื้อเสียงล่วงหน้า
นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ขณะนี้ เขต 28 บางบอน หนองแขม มีผู้สมัครจากพรรคไหนไม่ทราบได้ให้อดีตผู้สมัคร สข.ของพรรคการเมืองหนึ่ง ไปแนะนำตัวตามชุมชน หมู่บ้าน และมีการจัดตั้งแกนนำตามพื้นที่ที่ได้ลงไป โดยจ่ายให้แกนนำหัวละ 1,500-2,000 บาท และให้แกนนำไปหาคนในซอยอีกซอยละ 10 คน โดยให้ราคาหัวละ 1,000 บาท โดยให้จัดเก็บบัตรประชาชน และให้ไปรับบัตรคืนตามที่นัดหมาย พร้อมกับรับเงินดังกล่าว
ในส่วนของหมู่บ้าน ก็มีการประกาศกับผู้นำหมู่บ้านว่า ให้หาเสียงมาให้ครบ 100 เสียง จะเอาเงินเท่าไร ขอให้เสนอราคามาเป็นรายหัว นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนในแต่ละชุมชน สลับสับเปลี่ยนกันทุกวัน ในแขวงหนองแขม และบางบอน จนชาวบ้านเขาเบื่อโต๊ะจีนกันแล้ว ยังไม่พอ มีการจัดหน่วยฉีดพ่นยากำจัดยุงลาย จนไม่เหลือยุงให้กำจัดแล้ว ไม่เข้าใจว่ามาเน้นหนักจัดกิจกรรมในช่วงเดือนนี้เดือนเดียว จึงขอให้ กกต.กลาง จัดส่งหน่วยสืบสวนสอบสวนลงมาเก็บข้อมูลการทุจริตซื้อเสียง จัดเลี้ยงในเขตนี้ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมดังกล่าวเหมือนเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า
นายสนอง การะเกษ อุปนายกสมาคมแท็กซี่ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่อยากมีรถแท็กซี่เป็นของตัวเอง เพราะค่าเช่าราคาแพง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือเรื่องเงินดาวน์ รวมถึงการผ่อนชำระในราคาถูก เพื่อนำเงินมาดูแลครอบครัว นอกจากนี้ภาษีรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรค์ในการเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ และ ดอกเบี้ยก็แพงกว่ารถยนต์ทั่วไป นอกจากนี้อยากให้เข้ามาช่วยลดเงื่อนไขการค้ำประกันกับธนาคาร เพราะมีเงื่อนไขมาก
ด้านนายเฉลิม ช่างทองมะดัน นายกสมาคมมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แสดงความต้องการคล้ายกับกลุ่มแท็กซี่ว่า อยากได้รถมอเตอร์ที่มีต้นทุนราคาถูก รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ในการขับขี่ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องจ่ายส่วนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกลุ่มมอเตอร์ไซค์พร้อมที่จะเข้าร่วมกับโครงการตาสับปะรด ของรัฐในการให้ข้อมูลเบาะแสของผู่ก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ขอให้จัดหาพื้นที่จอดที่เหมาะสม อย่างถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการเรียกเก็บเงิน
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลไม่เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง จึงแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ทั้งนี้จะคิดภาษีในราคาที่ต่ำลง จากปกติ 8 แสนบาทต่อคันให้อยู่ที่ 6 แสนบาท และให้แท็กซี่ด้วยกัน สามารถค้ำประกันเองได้ โดยจะมีทีมงานเข้ามาดูแลในเรื่องของเงื่อนไขการค้ำประกัน
พร้อมกันนี้ จะทำบัตรเครดิตให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ใช้เติมน้ำมัน โดยไม่ต้องจ่ายเงินสดทันที โดยให้วงเงินประมาณ 4,000 บาท เพื่อให้เป็นเงินหมุนเวียนค่าใช้จ่าย ส่วนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ประสบปัญหาเรื่องอิทธิพลนั้น ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ที่มาจากระบบมีปัญหาในการซื้อตำแหน่ง จึงต้องหารายได้จากช่องทางอื่น ซึ่งต้องปรับระบบให้มีการเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่รังแกกัน
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนอดทน เพราะอีกไม่นานอำนาจจะกลับมาอยู่กับประชาชน ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสิน หากอยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ก็เลือกรัฐบาลที่คิดว่าจะเข้าแก้ไขปัญหาประเทศได้ พร้อมกันนี้เชื่อว่าประชาชนขณะนี้มีความฉลาด ไม่สามารถซื้อเสียงได้เหมือนที่ผ่านมา
** พท.ใช้ยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กล่าวว่าหลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนในภาคเหนือและอีสาน ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนอย่างมาก และเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย จะประสบความสำเร็จงดงาม ซึ่งประชาชนในต่างจังหวัดตื่นตัวกันมาก และขานรับนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยตามยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้น ที่วางไว้
"โดยยุทธศาสตร์ ขั้นแรกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้เปิดนโยบายแล้ว ขั้นที่สองพรรคเพื่อไทย และแกนนำทุกคนจะต้องนำนโยบายไปสู่ประชาชนซึ่งสองขั้นผ่านไปแล้วระดับหนึ่ง ที่สำคัญคือ ขั้นที่สาม การเร่งรณรงค์ให้ประชาชนนำนโยบายสื่อสารกับประชาชนซึ่งประชาชนจะช่วยผลักดันนโยบายแทนพรรค ถ้าทำได้สำเร็จตามยุทธศาสตร์นี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ก็มีสูงมาก" นายณัฐวุฒิ กล่าว และยืนยันว่า ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะไม่มีกลุ่มเสื้อแดงตามไปป่วนฝ่ายตรงข้าม
"ที่น่าเป็นห่วงก็คือการใช้อำนาจรัฐ หรืออำนาจนอกระบบ เพื่อหวังกำหนดผลในการเลือกตั้งมากกว่า" นายณัฐวุฒิกล่าว
** วอนหยุดให้ร้าย "เหนาะ-เจ๊มิ่ง"
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องรอการตัดสินใจของผู้ใหญ่ในพรรคก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุสาเหตุที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน กลับเข้าสู่พรรคเพื่อไทย เพราะนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เรียกเงินเป็นจำนวนมาก ในการร่วมจัดตั้งพรรคใหม่นั้น นายไพจิต ระบุว่า ตนไม่อยากให้ใครก้าวล่วง ทั้งนายเสนาะและนายมิ่งขวัญ เพราะถือเป็นผู้ใหญ่ในวงการเมือง และช่วงที่นายมิ่งขวัญไม่อยู่ ก็เป็นช่วงที่การเมืองวุ่นวาย ซึ่งภายหลังก็ได้ออกมาแสดงความชัดเจนว่า ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว
**จีบ"เหนาะ"ปลุกปั้น"พลังชล"
นายสุระ เตชะทัต ผู้ประสานงานพรรคพลังชล เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ส.จากพรรคกิจสังคม ได้ตอบรับที่จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคแล้ว เพราะเห็นด้วยในแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม และในเร็วๆนี้นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล จะเดินทางไปพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชด้วย หลังจากที่นายเสนาะ ยังไม่ตอบรับว่าจะเข้าร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไร โดยการไปพบนายเสนาะ ก็เพื่อไปบอกถึงแนวทาง และนโยบายของพรรคที่มุ่งหวังจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม ซึ่งหวังว่าจะให้นายเสนาะ มาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คอยให้คำปรึกษาแก่พรรคพลังชล
**ดักคอ"ลูกเหลิม"ซื้อเสียงล่วงหน้า
นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ขณะนี้ เขต 28 บางบอน หนองแขม มีผู้สมัครจากพรรคไหนไม่ทราบได้ให้อดีตผู้สมัคร สข.ของพรรคการเมืองหนึ่ง ไปแนะนำตัวตามชุมชน หมู่บ้าน และมีการจัดตั้งแกนนำตามพื้นที่ที่ได้ลงไป โดยจ่ายให้แกนนำหัวละ 1,500-2,000 บาท และให้แกนนำไปหาคนในซอยอีกซอยละ 10 คน โดยให้ราคาหัวละ 1,000 บาท โดยให้จัดเก็บบัตรประชาชน และให้ไปรับบัตรคืนตามที่นัดหมาย พร้อมกับรับเงินดังกล่าว
ในส่วนของหมู่บ้าน ก็มีการประกาศกับผู้นำหมู่บ้านว่า ให้หาเสียงมาให้ครบ 100 เสียง จะเอาเงินเท่าไร ขอให้เสนอราคามาเป็นรายหัว นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนในแต่ละชุมชน สลับสับเปลี่ยนกันทุกวัน ในแขวงหนองแขม และบางบอน จนชาวบ้านเขาเบื่อโต๊ะจีนกันแล้ว ยังไม่พอ มีการจัดหน่วยฉีดพ่นยากำจัดยุงลาย จนไม่เหลือยุงให้กำจัดแล้ว ไม่เข้าใจว่ามาเน้นหนักจัดกิจกรรมในช่วงเดือนนี้เดือนเดียว จึงขอให้ กกต.กลาง จัดส่งหน่วยสืบสวนสอบสวนลงมาเก็บข้อมูลการทุจริตซื้อเสียง จัดเลี้ยงในเขตนี้ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมดังกล่าวเหมือนเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า
