ASTVผู้จัดการรายวัน - กอ.รมน.จ่อเชือดวิทยุเถื่อนอีก 800 แห่ง ยันจับวิทยุหมิ่น-ยุยง 13 แห่งทำตาม กม.ขู่ตร.จ้องฟันม็อบขวางจนท.จับวิทยุแดง “ประยุทธ์” แจงปิดวิทยุชุมชนหมิ่น-ยุยงทำตามกฎหมาย ชี้ถ้าไม่ผิดก็ปิดไม่ได้
วานนี้ (29 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงถึงขั้นตอนที่กอ.รมน.ดำเนินการให้ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไป ดำเนินการจับกุมวิทยุชุมชนจำนวน 13 แห่งในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ ผ่านมาว่า มีสถานีวิทยุชุมชนแพร่กระจายคลื่นความมถี่รบกวนสถานีหลักที่ถูกกฎหมาย และในการกระจายสัญญาณได้มีการนำเทปถ้อยคำการพูดจาในการชุมนุมของกลุ่มแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นำมาเผยแพร่ กองทัพบกจึงนำข้อมูลแจ้งให้ สตช.ตรวจสอบ พบว่า มีการเสนอเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ ยุยงปลุกปั่นให้คนไทยแตกสามัคคี กระทำผิดกฎหมายอันมีผลต่อความมั่นคง และความสงบสุขของประเทศ และถือเป็นกระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 112 และมาตรา 116 จึงขออำนาจศาลดำเนินการต่อสถานีวิทยุชุมชน และผู้ดำเนินการรายการเมื่อไปตรวจค้นวิทยุชุมชนหลายแห่งพบว่า มีการหลบหนี และมีการขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ มีการเรียกระดมมวลชนมาขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจมีการบันทึกเก็บข้อมูลหลักฐานไว้แล้ว ทั้งนี้หากเราละเลยไม่ดำเนินการเหมือนกับละเละไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ
นอกจากนี้ยังมีอีก 800 กว่าสถานีทั่วประเทศที่ตรวจพบว่า มีการล่วงละเมิดต่อกระบวนการตามกฎหมายหลายรายการ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะบางแห่งยังไม่มีหลักฐาน และบางแห่งยังมีการหลบซ่อน รู้ตัวก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปจับกุม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายเฝ้าระวังภาคประชาชน โดยทางตำรวจนำหลักฐานมาดูพิสูจน์ รวมทั้งคณะกรรมการวิทยุโทรทัศน์ก็ต้องเข้ามาดูด้วยว่าสถานีวิทยุชุมชนดัง กล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะที่ได้รับรายงานมาพบว่ามีการใช้คลื่นวิทยุความถี่แรงทำให้ประชาชนเดือดร้อน คลื่นวิทยุหลักและโทรทัศน์รับสัญญาณไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วยังพบว่าเป็นสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาต
“ถ้า ไม่ทำผิดกฎหมายแล้วจะจับได้หรือไม่ แล้วผิดด้วยมาตราอะไร มันมีเหตุผลมีกฎหมายอยู่ทั้งหมดว่าจับเพราะอะไร ถ้าไม่ดูส่วนนี้ก็จะมาพูดว่าที่จับเพราะเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง เอาสถาบันมาทำร้ายการเมือง ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว.
วานนี้ (29 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงถึงขั้นตอนที่กอ.รมน.ดำเนินการให้ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไป ดำเนินการจับกุมวิทยุชุมชนจำนวน 13 แห่งในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ ผ่านมาว่า มีสถานีวิทยุชุมชนแพร่กระจายคลื่นความมถี่รบกวนสถานีหลักที่ถูกกฎหมาย และในการกระจายสัญญาณได้มีการนำเทปถ้อยคำการพูดจาในการชุมนุมของกลุ่มแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นำมาเผยแพร่ กองทัพบกจึงนำข้อมูลแจ้งให้ สตช.ตรวจสอบ พบว่า มีการเสนอเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ ยุยงปลุกปั่นให้คนไทยแตกสามัคคี กระทำผิดกฎหมายอันมีผลต่อความมั่นคง และความสงบสุขของประเทศ และถือเป็นกระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 112 และมาตรา 116 จึงขออำนาจศาลดำเนินการต่อสถานีวิทยุชุมชน และผู้ดำเนินการรายการเมื่อไปตรวจค้นวิทยุชุมชนหลายแห่งพบว่า มีการหลบหนี และมีการขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ มีการเรียกระดมมวลชนมาขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจมีการบันทึกเก็บข้อมูลหลักฐานไว้แล้ว ทั้งนี้หากเราละเลยไม่ดำเนินการเหมือนกับละเละไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ
นอกจากนี้ยังมีอีก 800 กว่าสถานีทั่วประเทศที่ตรวจพบว่า มีการล่วงละเมิดต่อกระบวนการตามกฎหมายหลายรายการ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะบางแห่งยังไม่มีหลักฐาน และบางแห่งยังมีการหลบซ่อน รู้ตัวก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปจับกุม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายเฝ้าระวังภาคประชาชน โดยทางตำรวจนำหลักฐานมาดูพิสูจน์ รวมทั้งคณะกรรมการวิทยุโทรทัศน์ก็ต้องเข้ามาดูด้วยว่าสถานีวิทยุชุมชนดัง กล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะที่ได้รับรายงานมาพบว่ามีการใช้คลื่นวิทยุความถี่แรงทำให้ประชาชนเดือดร้อน คลื่นวิทยุหลักและโทรทัศน์รับสัญญาณไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วยังพบว่าเป็นสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ไม่ได้ขออนุญาต
“ถ้า ไม่ทำผิดกฎหมายแล้วจะจับได้หรือไม่ แล้วผิดด้วยมาตราอะไร มันมีเหตุผลมีกฎหมายอยู่ทั้งหมดว่าจับเพราะอะไร ถ้าไม่ดูส่วนนี้ก็จะมาพูดว่าที่จับเพราะเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง เอาสถาบันมาทำร้ายการเมือง ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว.