ASTVผู้จัดการรายวัน – “อั๊คโซ่ โนเบล” เตรียมขึ้นราคาสี 3-5% ในเดือนมิถุนายนนี้ โอดอั้นไม่อยู่หลังต้นทุนวัตถุดิบ น้ำมันพุ่งพรวด พร้อมหันรุกตลาดสีระดับกลางรองรับกำลังซื้อกลุ่มใหญ่ของประเทศ ประเดิม “ดูลักซ์ อินสไปร์” เผยเปิดตัว 1 เดือนผลตอบรับดี เล็งใช้เป็นหัวหอกแบ่งเค้กตลาดสีทาอาคาร ยังหวังตลาดสีปี 54 โตตามจีดีพีท่ามกลางปัจจัยลบเพียบ
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีทาอาคาร เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะหันมาทำตลาดสีระดับกลาง ซึ่งเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่และเป็นการขยายฐานลูกค้าของบรษัทมากขึ้ยิ่งน จากเดิมที่จับเฉพาะตลาดพรีเมียมภายใต้แบรนด์ ไอซีไอ ดูลักซ์ และแบรนด์ระดับกลาง-ล่าง ซูเปอร์โคท, แม็กซิไลท์ และฟาร์โก้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ “ ดูลักซ์ อินสไปร์ ” มาทดลองตลาดผ่านโฆษณาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ สวยไม่สร่าง ” โดยมีมยุรา เศวตศิลา เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกระจายสินค้าผ่านทั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ ศูนย์ผสมสีที่เป็นแฟรนไชส์ของดูลักซ์และโมเดิร์นเทรด
“ ในปีนี้ จะเน้นทำตลาดในแบรนด์ ดูลักซ์ อินสไปร์ มากยิ่งขึ้น และหากมียอดขายเป็นที่น่าพอใจก็จะให้นำหนักในการผลิตและทำตลาดสีกลุ่มตลาดกลางในอนาคตต่อไป”
"ดูลักซ์ อินสไปร์” มีระดับราคาตั้งแต่ 1,350-2,050 บาท/ 5 แกลลอน ในขณะที่สีระดับพรีเมียมจะมีราคาตั้งแต่ 2,500 บาท/ 5 แกลลอนขึ้นไป ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สีเกรดพรีเมียมของบริษัทมีสัดส่วนกว่า 50% และสีระดับกลางล่างเกือบ 50% สำหรับมูลค่าตลาดรวมสีทาอาคารในปัจจุบันมีจำนวน 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสีระดับพรีเมียม 20% สีระดับกลาง 60% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นสีระดับล่าง
สำหรับตลาดสีในปี 2554 เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตตามการเติบโตของจีดีพีประเทศ แต่ไม่หวือหวาเช่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการ เรื่องต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะไททาเนียมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก และราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ผลิตในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบเรื่องของภาวะการเมืองและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกด้วย แต่จะเห็นการรุกทำตลาดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของผู้ผลิตรายใหญ่ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลิตต้องปรับขึ้นราคาสีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยครั้งละ 3-5% นับจากปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอีกภายในปีนี้ สำหรับบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ย 3-5% เมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน และเตรียมปรับขึ้นราคาอีกเฉลี่ย 3-5% ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
“แม้ว่ากลุ่มอั๊คโซ่ โนเบล จะมีอำนาจต่อรองราคาวัตถุดิบ เนื่องจากสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อจัดส่งไปยังโรงงานผลิตทั่วโลก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักรวมไปถึงการบริหารจัดการในขั้นตอนการผลิต แต่ก็ไม่สามารถควบคุมต้นทุนไม่ให้ปรับขึ้นได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรายย่อยแล้วไม่ใช่เฉพาะราคาที่เป็นปัญหา แต่ขณะนี้วัตถุดิบบางชนิดหาซื้อไม่ได้ "
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีทาอาคาร เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะหันมาทำตลาดสีระดับกลาง ซึ่งเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่และเป็นการขยายฐานลูกค้าของบรษัทมากขึ้ยิ่งน จากเดิมที่จับเฉพาะตลาดพรีเมียมภายใต้แบรนด์ ไอซีไอ ดูลักซ์ และแบรนด์ระดับกลาง-ล่าง ซูเปอร์โคท, แม็กซิไลท์ และฟาร์โก้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ “ ดูลักซ์ อินสไปร์ ” มาทดลองตลาดผ่านโฆษณาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ สวยไม่สร่าง ” โดยมีมยุรา เศวตศิลา เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกระจายสินค้าผ่านทั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ ศูนย์ผสมสีที่เป็นแฟรนไชส์ของดูลักซ์และโมเดิร์นเทรด
“ ในปีนี้ จะเน้นทำตลาดในแบรนด์ ดูลักซ์ อินสไปร์ มากยิ่งขึ้น และหากมียอดขายเป็นที่น่าพอใจก็จะให้นำหนักในการผลิตและทำตลาดสีกลุ่มตลาดกลางในอนาคตต่อไป”
"ดูลักซ์ อินสไปร์” มีระดับราคาตั้งแต่ 1,350-2,050 บาท/ 5 แกลลอน ในขณะที่สีระดับพรีเมียมจะมีราคาตั้งแต่ 2,500 บาท/ 5 แกลลอนขึ้นไป ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สีเกรดพรีเมียมของบริษัทมีสัดส่วนกว่า 50% และสีระดับกลางล่างเกือบ 50% สำหรับมูลค่าตลาดรวมสีทาอาคารในปัจจุบันมีจำนวน 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสีระดับพรีเมียม 20% สีระดับกลาง 60% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นสีระดับล่าง
สำหรับตลาดสีในปี 2554 เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตตามการเติบโตของจีดีพีประเทศ แต่ไม่หวือหวาเช่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการ เรื่องต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะไททาเนียมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก และราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ผลิตในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบเรื่องของภาวะการเมืองและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกด้วย แต่จะเห็นการรุกทำตลาดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของผู้ผลิตรายใหญ่ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลิตต้องปรับขึ้นราคาสีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยครั้งละ 3-5% นับจากปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอีกภายในปีนี้ สำหรับบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ย 3-5% เมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน และเตรียมปรับขึ้นราคาอีกเฉลี่ย 3-5% ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
“แม้ว่ากลุ่มอั๊คโซ่ โนเบล จะมีอำนาจต่อรองราคาวัตถุดิบ เนื่องจากสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อจัดส่งไปยังโรงงานผลิตทั่วโลก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักรวมไปถึงการบริหารจัดการในขั้นตอนการผลิต แต่ก็ไม่สามารถควบคุมต้นทุนไม่ให้ปรับขึ้นได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรายย่อยแล้วไม่ใช่เฉพาะราคาที่เป็นปัญหา แต่ขณะนี้วัตถุดิบบางชนิดหาซื้อไม่ได้ "