อุตสาหกรรมสีกระทบหนัก ต้นทุนพุ่ง 10% แต่ขึ้นราคาไม่ได้เหตุตลาดแข่งขันรุนแรง ด้านทีโอเอ เผยขาดทุนกำไรไปแล้ว 2-3% คาดทั้งปีตลาดโต 10% ส่งผลคงเป้าหมายยอดขายที่ 12,000 ล้านบาท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสีปีนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ต้นทุน โดยเฉพาะไททาเนี่ยม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตสีที่ปรับขึ้นไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 100% แต่เมื่อรวมกับวัตถุดิบที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมัน ที่ปรับขึ้นตามความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้กระทบต้นทุนการผลิตสีไปแล้ว 10% และมีผลให้บริษัทขาดทุนกำไรไปแล้ว 2-3% เนื่องจากต้องคงราคาขายจากการแข่งขันในตลาดสีที่รุนแรง
อย่างไรก็ดีคาดการณ์ว่าตลาดสีปี 54 จะเติบโต 10% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท โดยแบ่งเป็นสีทาอาคารและสีอุตสาหกรรมในสัดส่วนเท่ากัน แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยยังต้องติดตาม คือ สถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวลง
ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ตามเดิมคือ 10% หรือมียอดขายประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งตลาดสีทาอาคารกว่า 50% ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่ง เช่น ดูลักซ์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10% โดยล่าสุดเพิ่งกลับมารุกตลาดหลังหยุดทำตลาดไป 5 ปี และพยามไล่ตามนวัตกรรมสีของบริษัทอยู่ในขณะนี้
อนึ่งก่อนหน้านี้ ทีโอเอ ได้ออกมากล่าวถึงทิศทางของตลาดสีทาอาคารว่ากำลังเผชิญปัญหาต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมากว่า 10% ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตต้องทยอยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย3-5% แต่ที่ผ่านมามีผู้ผลิตบางรายได้ปรับราคาขายมาแล้ว 4-5 ครั้ง ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายเชื่อว่าในครึ่งปีหลังอาจได้เห็นราคาขายปรับขึ้น นอกจากนี้นี้ กรณีการเกิดภิบัติภัยสึนามิในประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกปัจจัยลบที่ทำให้วัตถุดิบนำเข้ามีราคาเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลมีนโยบายห้ามส่งออก แต่ยังโชคดีที่ในช่วงก่อนหน้า ทีโอเอ มีมาตรการรับมือด้วยการสต๊อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดสีทาอาคารในช่วง 3 เดือนแรกของปี2554 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ทีโอเอ มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 10% หรือมียอดขายรวม3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจกับสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักต์มากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "ซุปเปอร์ชิลด์ ไททาเนียม" สีทาภายนอกเกรดอัลตราพรีเมี่ยม มีคุณสมบัติเหมือนฟิล์มกรองแสง สะท้อนความร้อนได้มากกว่า 90% รับประกันการใช้งานนานสูงสุดในตลาด 15 ปีเต็ม
ขณะที่ในปีนี้ ทีโอเอ ได้ตั้งเป้ายอดขายทุกกลุ่มสีไว้ที่ 12,000 ล้านบาท เติบโต 10%ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวมสีทาอาคารเกินกว่า 50% จากมูลค่าตลาดรวมในปีนี้ 15,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดสีทาอาคารกลุ่มพรีเมี่ยมคิดเป็นสัดส่วน 60% หรือ 3,500 ล้านบาทจากตลาดรวม 5,800 ล้านบาท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสีปีนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ต้นทุน โดยเฉพาะไททาเนี่ยม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตสีที่ปรับขึ้นไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 100% แต่เมื่อรวมกับวัตถุดิบที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมัน ที่ปรับขึ้นตามความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้กระทบต้นทุนการผลิตสีไปแล้ว 10% และมีผลให้บริษัทขาดทุนกำไรไปแล้ว 2-3% เนื่องจากต้องคงราคาขายจากการแข่งขันในตลาดสีที่รุนแรง
อย่างไรก็ดีคาดการณ์ว่าตลาดสีปี 54 จะเติบโต 10% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท โดยแบ่งเป็นสีทาอาคารและสีอุตสาหกรรมในสัดส่วนเท่ากัน แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยยังต้องติดตาม คือ สถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวลง
ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ตามเดิมคือ 10% หรือมียอดขายประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งตลาดสีทาอาคารกว่า 50% ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่ง เช่น ดูลักซ์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10% โดยล่าสุดเพิ่งกลับมารุกตลาดหลังหยุดทำตลาดไป 5 ปี และพยามไล่ตามนวัตกรรมสีของบริษัทอยู่ในขณะนี้
อนึ่งก่อนหน้านี้ ทีโอเอ ได้ออกมากล่าวถึงทิศทางของตลาดสีทาอาคารว่ากำลังเผชิญปัญหาต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมากว่า 10% ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตต้องทยอยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย3-5% แต่ที่ผ่านมามีผู้ผลิตบางรายได้ปรับราคาขายมาแล้ว 4-5 ครั้ง ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายเชื่อว่าในครึ่งปีหลังอาจได้เห็นราคาขายปรับขึ้น นอกจากนี้นี้ กรณีการเกิดภิบัติภัยสึนามิในประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกปัจจัยลบที่ทำให้วัตถุดิบนำเข้ามีราคาเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลมีนโยบายห้ามส่งออก แต่ยังโชคดีที่ในช่วงก่อนหน้า ทีโอเอ มีมาตรการรับมือด้วยการสต๊อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดสีทาอาคารในช่วง 3 เดือนแรกของปี2554 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ทีโอเอ มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 10% หรือมียอดขายรวม3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจกับสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักต์มากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "ซุปเปอร์ชิลด์ ไททาเนียม" สีทาภายนอกเกรดอัลตราพรีเมี่ยม มีคุณสมบัติเหมือนฟิล์มกรองแสง สะท้อนความร้อนได้มากกว่า 90% รับประกันการใช้งานนานสูงสุดในตลาด 15 ปีเต็ม
ขณะที่ในปีนี้ ทีโอเอ ได้ตั้งเป้ายอดขายทุกกลุ่มสีไว้ที่ 12,000 ล้านบาท เติบโต 10%ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวมสีทาอาคารเกินกว่า 50% จากมูลค่าตลาดรวมในปีนี้ 15,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดสีทาอาคารกลุ่มพรีเมี่ยมคิดเป็นสัดส่วน 60% หรือ 3,500 ล้านบาทจากตลาดรวม 5,800 ล้านบาท