ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้นมากใกล้หายเป็นปกติ ใบหน้าสดชื่น ฉันได้มากและเดินออกกำลังได้ไกลกว่าเดิม แพทย์ฉีดยาฆ่าเชื้อวันสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเป็นยาฉัน พร้อมติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิดถ่ายทอดให้ญาติโยมได้เห็นหลวงพ่อนอกห้องผู้ป่วยไม่ต้องเข้ากราบใกล้ชิดป้องกันติดเชื้อเพิ่ม แพทย์ห่วงน้ำหนักน้อยเตรียมหาสูตรโภชนาการเพิ่มน้ำหนัก ด้าน“หลวงพ่อคูณ” ให้พรทหารไทยรบป้องกันประเทศชายแดนไทย-เขมร ปลอดภัยได้ชัยชนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 4 หลังลูกศิษย์ได้นำเข้ารักษาด้วยอาการหนาวสั่น อ่อนเพลียและอาเจียน เมื่อเช้ามืดวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
วานนี้(28 เม.ย.)พระเทพวิทยาคม ตื่นจากจำวัดเวลา 07.30 น.ด้วยใบหน้าที่สดชื่นแจ่มใส ก่อนทำกิจธุระส่วนตัว และนั่งพูดคุยกับศิษย์ จากนั้นได้ฉันภัตตาหารคาวหวานที่ลูกศิษย์นำมาถวายได้มากกว่าทุกวันและเดินออกกำลังกายได้ไกลกว่าเดิม อาการโดยรวมดีขึ้นเกือบหายเป็นปกติแล้ว
ขณะที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้นำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาติดตั้งไว้ภายในห้องพักหลวงพ่อคูณเพื่อถ่ายทอดอิริยาบถต่างๆ ของหลวงพ่อ เพื่อให้ญาติโยมได้ชมภายนอกไม่ต้องเข้าไปใกล้ ป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม
ส่วนลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดและสื่อมวลชนที่เข้าไปบันทึกภาพทำข่าวให้สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่เข้าใกล้หลวงพ่อคูณ
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้กล่าวให้กำลังใจทหารหาญที่ปฏิบัติภารกิจสู้รบอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ดีแล้ว ขอให้กำลังใจทุกคน ทำอะไรก็ขอให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ปกป้องประเทศชาติไว้ให้ได้ ปลอดภัยหมดทุกคนเน้อลูกหลาน และมีชัยชนะแน่นอน
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า อาการโดยรวมหลวงพ่อคูณ ดีขึ้นมาก ไม่มีอาการหนาวสั่น ฉันอาหารได้เยอะขึ้น คณะแพทย์ยังคงรักษาด้วยการฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าทางเส้นเลือดต่ออีก 1 วัน ในวันนี้จะเปลี่ยนเป็นยาฉันแทน และเมื่อครบตามเกณฑ์แล้วจะนิมนต์ท่านกลับวัดบ้านไร่ แต่ตอนนี้อยากให้ท่านได้รับยาจนครบชุด เชื้อโรคจะได้หมดไปและไม่มีการดื้อยาภายหลัง
ขณะนี้เป็นห่วงเรื่องน้ำหนักตัวของหลวงพ่อ เพราะน้ำหนักลดลงในช่วง 2-3 เดือนนี้ค่อนข้างมากจากเดิมประมาณ 40-41 กิโลกรัม(กก.) ตอนนี้เหลือ 35 กก.เท่านั้น ซึ่งต้องทำน้ำหนักให้ขึ้นไปเพื่อจะได้แข็งแรง และมีภูมิต้านทานโรคได้ดี
“อาการตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ท่านดีขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะกลับวัดบ้านไร่ใน 2 วันนี้ หรือ ประมาณวันที่ 30 เม.ย.ส่วนผลการเพาะเชื้อ ไม่พบเชื้อ จึงระบุไม่ได้ว่าติดเชื้อส่วนใด ซึ่งเป็นธรรมดาส่วนใหญ่ก็จะหาไม่ค่อยเจอ แต่เราดูตามอาการ ถ้าอาการเป็นการติดเชื้อก็ให้ยาเลย เพราะจะไปรอหาเชื้อให้เจอก่อนอาการอาจจะหนัก มาถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรแทรกซ้อน ส่วนภาวะน้ำตาลกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้วจากเมื่อวานยังแกว่งอยู่” นพ.ธีรพล กล่าว
นพ.ธีรพล กล่าวอีกว่า การเพิ่มน้ำหนักให้หลวงพ่อคูณ ขณะนี้ คณะแพทย์พยายามช่วยกันหาสูตรโภชนาการและหาอาหารเสริมให้หลวงพ่อ แต่ปัญหาคือหลวงพ่อไม่ชอบฉันอาหารที่เป็นพวกอาหารเสริม ท่านชอบอาหารพื้นบ้าน ซึ่งอาหารจำพวกนี้เพิ่มน้ำหนักได้น้อยและไม่ค่อยมีไขมัน ไม่ค่อยมีโปรตีน เราพยายามกระตุ้นให้หลวงพ่อฉันให้มากๆ ซึ่งเราต้องให้ท่านฉันได้เองถึงจะมีน้ำหนักขึ้นได้ถาวรและระยะยาว
อย่างไรก็ตาม มาตรการของคณะแพทย์ คือ 1.อยากให้มีผู้เข้าเยี่ยมน้อยที่สุด โดยเราถ่ายทอดทางทีวีวงจรปิด จากภายในห้องพักของหลวงพ่อคูณมาไว้หน้าหอพักผู้ป่วย เพื่อให้ญาติโยมที่มาเยี่ยมหลวงพ่อได้เห็นตลอด ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ชิด 2.ผู้ดูแลใกล้ชิดคือ ลูกศิษย์ กับญาติสนิทเราให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อทุกครั้งที่เข้าไปปรนนิบัติ และใส่หน้ากากอนามัยปิดปาก จมูก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติอย่างนี้ไม่มียกเว้น