xs
xsm
sm
md
lg

เร่งสรุปคดีหนุ่มคลั่งภายใน 1 เดือน “แพทย์หญิง-แม่” ยังผวา! แต่ไม่ติดใจเอาความ ตร.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี หนุ่มคลั่งที่ก่อเหตุ
หัวหน้าพนักงานสอบคดีหนุ่มคลั่งจี้แพทย์หญิง ยิงตร.-แท็กซี่ ดับ เรียกประชุมคณะทำงานติดตามความคืบหน้าคดี สั่งเร่งรวบรวมหลักฐาน-สอบปากคำพยานแวดล้อมในทุกจุด และให้รวมสำนวนคดีเป็นคดีเดียว คาดเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน ขณะที่แพทย์หญิงอาการดีขึ้นแต่ยังมีกระสุนฝังในที่แขนและหลัง รวม 3 นัด ส่วนมารดาแพทย์หญิงยังผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ติดใจ ตร. เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว

วันนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.พญาไท พ.ต.อ.วีระวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.ดุสิต, พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส. สน.พญาไท พนักงานสอบสวนจากสน.ดุสิตและพญาไท จำนวน 10 นาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เพื่อวางกรอบในการสอบสวนคดีดังกล่าว

พ.ต.อ.วีระวิทย์เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนจาก สน.ดุสิต และพญาไท จำนวน 10 นาย โดยตั้งแต่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องได้ทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับทั้งผู้ตาย และผู้เสียหายไปประมาณ 6-7ปากแล้ว แต่ในส่วนของการสอบปากคำพยานแวดล้อมในแต่ละจุดซึ่งยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่นั้น ในวันนี้ตนจึงได้เรียกพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ ตร.ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในวันที่เกิดเหตุทุกจุดเข้ามามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนร้ายในแต่ละจุด เพื่อดูความต่อเนื่องเชื่อมโยงเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนร้ายตั้งแต่จุดแรกในท้องที่ สภ.บางกรวย, บางพลัด, สามเสน, ดุสิต และพญาไทซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่คนร้ายถูกวิสามัญ และพิจารณาว่ามีใครที่เกี่ยวข้องรู้เห็นกับเหตุการณ์ และพอจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรูปคดีได้บ้าง จากนั้นจึงจะมอบหมายให้พนักงานสอบสวนแต่ละชุดสอบลึกลงไปในรายละเอียดและพฤติกรรมของคนร้ายในแต่ละจุดเพื่อรวมไว้ในสำนวน

ในขณะเดียวกัน สำนวนการสอบปากคำดังกล่าวก็จะนำไปประกอบกับพยานวัตถุที่เก็บรวบรวมได้ในจุดเกิดเหตุทุกจุด รวมทั้งภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดในเส้นทางที่คนร้ายผ่าน, ภาพนิ่ง และข้อมูลจากศูนย์วิทย์ผ่านฟ้า และ สน.ที่เกี่ยวข้องเรื่องการประสานงานและสั่งการในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรวบรวมเข้าสำนวน ซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นเหตุเป็นผลและสอดคล้องต้องกัน ซึ่งตนจะพยายามเร่งรัดและรวบรวมให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน ในส่วนของการวิสามัญคนร้ายจนทำให้มี พญ.พิภัทรา สายโลหิต ได้รับบาดเจ็บนั้น ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้ โดยวันนี้จะสอบถามข้อมูลในวันนเกิดเหตุว่ามีใครประจำอยู่ในจุดใด อาวุธปืนที่ใช้เป็นชนิดไหน ไปเปรียบเทียบกับวิถีกระสุน และหัวกระสุนที่พบผ่าออกจากบาดแผลของ พญ.พิภัทรา สำนวนคดีนี้อาจจะเป็นส่วนประกอบข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน นางลักขณา สายโลหิต อายุ 59 ปี มารดา พญ.พิภัทรา เผยว่า ขณะนี้ลูกสาวตนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีกระสุนฝังอยู่ที่แขนซ้าย 2 นัด และหลังอีก 1 นัด รอแพทย์ตัดสินใจว่าจะผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกหรือไม่ โดนขณะนี้แพทย์ได้อนุญาตให้ออกจากห้องไอซียูและไปพักฟื้นที่ห้องพักฟื้นพิเศษ ส่วนด้านจิตใจตนและลูกสาวยังหวาดผวาอยู่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์กับครอบครัวตน โดยตลอดมาตนและลูกสาวเป็นคนใจบุญ ทำบุญตลอด ก่อนเกิดเหตุเพิ่งไปทำบุญที่วัดสุคันธาราม ช่วงเกิดหตุลูกสาวตนเห็นแท็กซี่โดนยิงจึงจะลงไปช่วยดู แต่โดนคนร้ายจี้เป็นตัวประกันเสียก่อน นอกจากนี้พระที่นับถือกันเคยทักว่าลูกสาวตนกำลังจะมีเคราะห์ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ด้านคดีตนไม่ติดใจตำรวจ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตำรวจทำดีที่สุดแล้วเพราะเหตุอาจลุกลามบานปลายมากกว่านี้ก็เป็นได้

ส่วน พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.ดุสิต กล่าวว่า ด้านคดีทั้งหมด พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้สำนวนคดีไปรวบรวมที่ สน.พญาไท ทั้งหมด ส่วนด้านงานศพลูกร้องตนนั้นครอบครัวยังทำใจไม่ได้และอยู่ในอาการเศร้า ส่วนการช่วยเหลือต่างๆ นั้นเป็นไปตามสวัสดิ์การตำรวจ นอกจากนี้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับปากจะดูแล และให้บุตร ด.ต.ที่เสียชีวิตเข้าเป็นตำรวจ 1 คน ตามข้อปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ
พญ.พิภัทรา สายโลหิต แพทย์โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา ที่ได้รับบาดเจ็บ
กำลังโหลดความคิดเห็น