ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดรวมกล้องดีเอสแอลอาร์ขาดตลาด เหตุสึนามิที่ญี่ปุ่นฟาดหาง ด้าน“บิ๊กคาเมร่า” ยันไม่กระทบมากเหตุมีสต๊อกอีก 2 เดือน พร้อมหันมาโปรโมทไมโครโฟนเธิร์ด เดินหน้าลงทุนผุด 10 สาขาปีนี้ พร้อมทุ่ม 60 ล.เปิดบิ๊กคาเมร่าเกลลอเรีย 2 แห่ง ปรับลดเป้าเติบโตลง 10%
นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บิ๊กคาเมร่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกจำหน่ายอุปกรณ์กล้องบิ๊กคาเมร่า เปิดเผยว่า ขณะนี้กล้องดีเอสแอลอาร์ในภาพรวมขาดตลาดอย่างมาก เนื่องจากผลกระทบกรณีที่เกิดเหตุสึนามิและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อการผลิตและทำให้สินค้าขาดตลาดในไทยมากกว่า 50% เพราะหลายแบรนด์ยังมีฐานผลิตหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น
ส่วนกล้องคอมแพคไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากหลายแบรนด์มีการผลิตกระจายนอกญี่ปุ่น ขณะที่ราคากล้องคอมแพ็คก็ยังลดลงมาอีกกว่า 25% เช่นกล้องระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทมีส่วนแบ่งกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบิ๊กคาเมร่า ยังพอมีสินค้ากล้องดีเอสแอลอาร์จำหน่ายปรกติเพราะยังมีสต๊อกล่วงหน้าอีก 2 เดือน และคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์โดยรวมก็น่าจะดีขึ้น และพอมีสินค้าจากญี่ปุ่นส่งเข้ามาในไทยได้บ้างแล้ว ส่วนการปรับแผนเวลานี้คือ การหันมาทำการตลาดและทำโปรโมชั่นกล้องไมโครโฟร์เธิร์ด หรือ กล้องเปลี่ยนเลนส์ร่วมกับเจ้าของแบรนด์สินค้าและสถาบันการเงินมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าหันมาซื้อกล้องดังกล่าว เนื่องจากกล้องดังกล่าวไม่มีปัญหาในด้านของกำลังการผลิต เช่นเดียวกับคอมแพ็ค
“แม้สินค้าตอนนี้จะขาดตลาดก็ตาม แต่ในแง่ของราคาก็ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นเพราะมีการแข่งขันสูง อีกทั้งสัดส่วนของตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ก็ยังน้อยประมาณ 10% จากตลาดรวม ส่วนใหญ่เป็นกล้องคอมแพ็คประมาณ 85% อีก 5% เป็นกลุ่มมิลเลอร์เลนส์ จากตลาดรวม”
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ของบริษัท นายชิตชัยกล่าวว่า จะยังคงรุกตลาดต่อเนื่องทั้งการทำตลาด กาขยายสาขาโดยปีนี้จะเปิดสาขาใหม่กว่า 10 แห่ง เป็นการเปิดสาขาใหญ่ บิ๊กคาเมร่าแกลลอเรีย ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดบริการแล้ว และที่เซ็นทรัลลาดพร้าวคาดเปิดปลายปี ลงทุนฉลี่ย 30 ล้านบาทต่อสาขา เป็นแฟลกชิปสโตร์พื้นที่ 200 ตร.ม. มีกล้องและอุปกรณ์จำหน่ายหลากหลายทุกแบรนด์
นอกจากนั้นจะเปิดสาขาทั่วไป หากตั้งอยู่ในกลุ่มห้างเซ็นทรัลจะลงทุนเฉลี่ย 5 ล้าบาทต่อสาขา ถ้าตั้งอยู่ตามดิสเคานต์สโตร์เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ลงทุนเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขา เช่นจะเปิดที่เซ็นทรัลพระรามเก้า พิษณุโลก และอุดรธานี
กลยุทธ์ขยายสาขาปีนี้จะเน้นไปที่การขยายเข้าสู่ตลาดระดับอำเภอมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะเปิดอีก 3 แห่งคือที่ อ.บ้านบึง ชลบุรี, อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ และที่เทสโก้โลตัสบึงกาฬ จากเดิมเปิดแล้ว 3 แห่งคือที่ อ.เชียงคำ อ.กำแพงแสน และอ.สามชุก ซึ่งตั้งอยู่ในเทสโก้โลตัสทั้งหมด จากปัจจุบันมีสาขาเปิดรวม 170 แห่ง คาดถึงสิ้นปีจะมี 180 แห่ง
นอกจากนั้นจะใช้งบตลาดรวม 50 ล้านบาท ในการทำโปรโมชั่น กิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และยังตั้งงบต่างหากอีก 30 ล้านบาทเพื่อใช้ในการรีเฟรชแบรนด์บิ๊กคาเมร่า
นายชิตชัยกล่าวด้วยว่า เดิมช่วงต้นปีตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นกระทบกับตลาดกล้องในไทย จึงปรับลดการเติบโตเหลือ 10% หรือมีรายได้รวม 2,200 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยท็อปไฟว์แบรนด์ของบิ๊กคาเมร่าคือ แคนนอน สัดส่วนรายได้มากสุด นอกนั้นใกล้เคียงกันคือ นิคอน โซนี่ ฟูจิ ซัมซุง ซึ่งบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 25% จากตลาดรวมมูลค่า 8-9,000 ล้านบาทหรือประมาณ 1.2 ล้านยูนิต และคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 1.4 ล้านยูนิต ส่วนในแง่มูลค่าจะเติบโต 10%
นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บิ๊กคาเมร่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกจำหน่ายอุปกรณ์กล้องบิ๊กคาเมร่า เปิดเผยว่า ขณะนี้กล้องดีเอสแอลอาร์ในภาพรวมขาดตลาดอย่างมาก เนื่องจากผลกระทบกรณีที่เกิดเหตุสึนามิและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อการผลิตและทำให้สินค้าขาดตลาดในไทยมากกว่า 50% เพราะหลายแบรนด์ยังมีฐานผลิตหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น
ส่วนกล้องคอมแพคไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากหลายแบรนด์มีการผลิตกระจายนอกญี่ปุ่น ขณะที่ราคากล้องคอมแพ็คก็ยังลดลงมาอีกกว่า 25% เช่นกล้องระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทมีส่วนแบ่งกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบิ๊กคาเมร่า ยังพอมีสินค้ากล้องดีเอสแอลอาร์จำหน่ายปรกติเพราะยังมีสต๊อกล่วงหน้าอีก 2 เดือน และคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์โดยรวมก็น่าจะดีขึ้น และพอมีสินค้าจากญี่ปุ่นส่งเข้ามาในไทยได้บ้างแล้ว ส่วนการปรับแผนเวลานี้คือ การหันมาทำการตลาดและทำโปรโมชั่นกล้องไมโครโฟร์เธิร์ด หรือ กล้องเปลี่ยนเลนส์ร่วมกับเจ้าของแบรนด์สินค้าและสถาบันการเงินมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าหันมาซื้อกล้องดังกล่าว เนื่องจากกล้องดังกล่าวไม่มีปัญหาในด้านของกำลังการผลิต เช่นเดียวกับคอมแพ็ค
“แม้สินค้าตอนนี้จะขาดตลาดก็ตาม แต่ในแง่ของราคาก็ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นเพราะมีการแข่งขันสูง อีกทั้งสัดส่วนของตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ก็ยังน้อยประมาณ 10% จากตลาดรวม ส่วนใหญ่เป็นกล้องคอมแพ็คประมาณ 85% อีก 5% เป็นกลุ่มมิลเลอร์เลนส์ จากตลาดรวม”
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ของบริษัท นายชิตชัยกล่าวว่า จะยังคงรุกตลาดต่อเนื่องทั้งการทำตลาด กาขยายสาขาโดยปีนี้จะเปิดสาขาใหม่กว่า 10 แห่ง เป็นการเปิดสาขาใหญ่ บิ๊กคาเมร่าแกลลอเรีย ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดบริการแล้ว และที่เซ็นทรัลลาดพร้าวคาดเปิดปลายปี ลงทุนฉลี่ย 30 ล้านบาทต่อสาขา เป็นแฟลกชิปสโตร์พื้นที่ 200 ตร.ม. มีกล้องและอุปกรณ์จำหน่ายหลากหลายทุกแบรนด์
นอกจากนั้นจะเปิดสาขาทั่วไป หากตั้งอยู่ในกลุ่มห้างเซ็นทรัลจะลงทุนเฉลี่ย 5 ล้าบาทต่อสาขา ถ้าตั้งอยู่ตามดิสเคานต์สโตร์เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ลงทุนเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขา เช่นจะเปิดที่เซ็นทรัลพระรามเก้า พิษณุโลก และอุดรธานี
กลยุทธ์ขยายสาขาปีนี้จะเน้นไปที่การขยายเข้าสู่ตลาดระดับอำเภอมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะเปิดอีก 3 แห่งคือที่ อ.บ้านบึง ชลบุรี, อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ และที่เทสโก้โลตัสบึงกาฬ จากเดิมเปิดแล้ว 3 แห่งคือที่ อ.เชียงคำ อ.กำแพงแสน และอ.สามชุก ซึ่งตั้งอยู่ในเทสโก้โลตัสทั้งหมด จากปัจจุบันมีสาขาเปิดรวม 170 แห่ง คาดถึงสิ้นปีจะมี 180 แห่ง
นอกจากนั้นจะใช้งบตลาดรวม 50 ล้านบาท ในการทำโปรโมชั่น กิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และยังตั้งงบต่างหากอีก 30 ล้านบาทเพื่อใช้ในการรีเฟรชแบรนด์บิ๊กคาเมร่า
นายชิตชัยกล่าวด้วยว่า เดิมช่วงต้นปีตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นกระทบกับตลาดกล้องในไทย จึงปรับลดการเติบโตเหลือ 10% หรือมีรายได้รวม 2,200 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยท็อปไฟว์แบรนด์ของบิ๊กคาเมร่าคือ แคนนอน สัดส่วนรายได้มากสุด นอกนั้นใกล้เคียงกันคือ นิคอน โซนี่ ฟูจิ ซัมซุง ซึ่งบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 25% จากตลาดรวมมูลค่า 8-9,000 ล้านบาทหรือประมาณ 1.2 ล้านยูนิต และคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 1.4 ล้านยูนิต ส่วนในแง่มูลค่าจะเติบโต 10%