ตำรวจนครบาลสืบ 2 ติดตามจับกุมวายร้ายปล้นร้านทองตัวฉกาจได้ที่เชียงใหม่ พบประวัติถูกจับครั้งแรกตั้งแต่อายุ 16 ตระเวนปล้นร้านทองไปขาย หาเงินเข้าบ่อน ดาวน์รถ ล่าสุดก่อเหตุจี้ชิงทองในห้างโลตัส ลาดพร้าว แล้วหนีไปกบดานพร้อมดูลาดเลาที่เชียงใหม่ ส่วนรถที่ใช้ก่อเหตุไปขโมยรถแท็กซี่จากอู่แล้วนำไปแปลงโฉมเป็นรถส่วนบุคคล สวมทะเบียนปลอม
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ พ.ต.อ.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.สุพจน์ พรหมศิริ ผกก.สน.พหลโยธิน แถลงการจับกุ มนายสุพจน์ บุญเรืองรอด อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 2 ต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านทองหลายแห่ง พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่า สีดำ ติดทะเบียน กจ 2537 ที่ใช้ก่อเหตุและหลบหนี โดยยึดได้ที่ตลาดนัดสะพานขาว คลอง 1 จ.ปทุมธานี โดยรถคันดังกล่าวเดิมเป็นรถแท็กซี่ สีส้ม ทะเบียน ทย 6572 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหาขโมยมาจากอู่แท็กซี่ย่านบางอ้อ เขตจอมทอง กทม.เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2552 ส่วนทะเบียนขโมยมาจากห้างบิ๊กซีคลอง 6 จ.ปทุมธานี เมื่อเดือนกันยายน 2553 พร้อมอาวุธปืนรีวอลเวอร์ .38 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ทะเบียนปืน พช 1/15517 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน 50 นัด สร้อยคอทองคำที่ได้จากการก่อเหตุที่ร้านทองออโรร่า น้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น เงินสดที่ได้จากการขายทอง 50,000 บาท รองเท้าผ้าใบสีขาวมีแถบแดง 1 คู่ ที่ใช้ในวันเกิดเหตุ และหมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน สฐ 3992 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหานำเงินที่ได้จากการขายทองที่ก่อเหตุชิงทรัพย์มาไปดาวน์ที่เต็นรถมือสองใน จ.กาฬสินธุ์ ราคา 280,000 บาท โดยตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลาประมาณ 21.41 น. มีคนร้าย 1 คนสวมหมวกไหมพรมสีดำและทับด้วยหมวกแก๊ปสีดำ และใช้อาวุธปืนเข้าก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม. ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 300 บาทแล้วหลบหนีไป โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์โตโยต้า สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กจ 2537 ปทุมธานี ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุกอาจในที่สาธารณะอย่างมาก
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองหลายแห่งหลายพื้นที่ โดยติดตามจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่ ขณะตระเวนดูพื้นที่เพื่อก่อเหตุ ส่วนปืนและรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการขโมยมา เมื่อได้ทองจะนำไปขายหรือจำนำตามร้านทองในพื้นที่ กทม.และจ.ปทุมธานี เมื่อได้เงินมาก็ไปซื้อรถยนต์ และเล่นการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ประกอบด้วย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 เวลา 19.48 น. ที่ห้างทองเยาวราชแสงสุวรรณ ในห้างบิ๊กซี สาขาพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกเจ้าของร้านใช้ปืนยิงใส่บาดเจ็บและหนีไปโดยไม่ได้ทอง และเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2553 ก่อเหตุที่ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว พื้นที่ สน.โชคชัย ได้ทองรูปพรรณ 135 บาท คดีอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับ
“นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับอีกหลายคดี ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลอาญาที่ 1292/2553 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2553 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หลังจากเข้าไปลักทรัพย์ในร้านบิ๊กคาเมร่า ท้องที่ สน.หัวหมาก 2.หมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่ 221/2552 ลงวันที่ 27 ต.ค.2552 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกับนางวาสนา นารา ลักทรัพย์ร้านมินิมาร์ท ท้องที่ สภ.บ้านนา จ.นครนายก 3.หมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 295/2547 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2553 ในข้อหาลักทรัพย์ หลังจากลักทรัพย์แผ่นซีดีร้านแมงป่อง สามย่าน ท้องที่ สน.ปทุมวัน นอกจากนี้ ยังมีประวัติถูกจับกุมในคดีต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง โดยถูกจับกุมครั้งแรกตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจะสอบสวนขยายผลต่อไป” ผบช.น.กล่าว
ด้าน นายสุพจน์ให้การรับสารภาพว่า การเลือกก่อเหตุนั้นจะดูโอกาสถ้าจังหวะที่คนน้อยก็จะเข้าไปก่อเหตุ โดยเลือกร้านที่มักมีผู้หญิงเป็นคนเฝ้า ในการก่อเหตุแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีการเตรียมการแต่อย่างใด จะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว สำหรับที่เลือกปล้นทองภายในห้างเนื่องจากคนเยอะ ง่ายต่อการหลบหนีเพราะจะทำให้เกิดการชุลมุน ส่วนปืนที่มีก็ขโมยไว้ใช้เพื่อนำมาข่มขู่ขณะปล้น และทองที่ได้มาก็นำไปขายตามร้านจนเหลือทองน้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น แต่จะไม่ไปขายที่โรงรับจำนำ ส่วนเงินที่ได้จากการขายทองก็นำไปใช้เล่นการพนันตามชายแดน เนื่องจากติดการพนัน โดยยอมรับว่าก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมดจริง ส่วนกรณีที่มีคนร้ายปล้นทองท้องที่ สน.ดอนเมืองนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพราะว่าขณะเกิดเหตุอยู่ที่เชียงใหม่
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธปืน และโดยแปลงตัวหรือมอมหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุมมีอาวุธและใช้เครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ พ.ต.อ.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.สุพจน์ พรหมศิริ ผกก.สน.พหลโยธิน แถลงการจับกุ มนายสุพจน์ บุญเรืองรอด อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 2 ต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านทองหลายแห่ง พร้อมของกลางรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่า สีดำ ติดทะเบียน กจ 2537 ที่ใช้ก่อเหตุและหลบหนี โดยยึดได้ที่ตลาดนัดสะพานขาว คลอง 1 จ.ปทุมธานี โดยรถคันดังกล่าวเดิมเป็นรถแท็กซี่ สีส้ม ทะเบียน ทย 6572 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหาขโมยมาจากอู่แท็กซี่ย่านบางอ้อ เขตจอมทอง กทม.เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2552 ส่วนทะเบียนขโมยมาจากห้างบิ๊กซีคลอง 6 จ.ปทุมธานี เมื่อเดือนกันยายน 2553 พร้อมอาวุธปืนรีวอลเวอร์ .38 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ทะเบียนปืน พช 1/15517 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน 50 นัด สร้อยคอทองคำที่ได้จากการก่อเหตุที่ร้านทองออโรร่า น้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น เงินสดที่ได้จากการขายทอง 50,000 บาท รองเท้าผ้าใบสีขาวมีแถบแดง 1 คู่ ที่ใช้ในวันเกิดเหตุ และหมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน สฐ 3992 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหานำเงินที่ได้จากการขายทองที่ก่อเหตุชิงทรัพย์มาไปดาวน์ที่เต็นรถมือสองใน จ.กาฬสินธุ์ ราคา 280,000 บาท โดยตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2553 เวลาประมาณ 21.41 น. มีคนร้าย 1 คนสวมหมวกไหมพรมสีดำและทับด้วยหมวกแก๊ปสีดำ และใช้อาวุธปืนเข้าก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม. ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 300 บาทแล้วหลบหนีไป โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์โตโยต้า สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กจ 2537 ปทุมธานี ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุกอาจในที่สาธารณะอย่างมาก
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองหลายแห่งหลายพื้นที่ โดยติดตามจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่ ขณะตระเวนดูพื้นที่เพื่อก่อเหตุ ส่วนปืนและรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการขโมยมา เมื่อได้ทองจะนำไปขายหรือจำนำตามร้านทองในพื้นที่ กทม.และจ.ปทุมธานี เมื่อได้เงินมาก็ไปซื้อรถยนต์ และเล่นการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ประกอบด้วย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 เวลา 19.48 น. ที่ห้างทองเยาวราชแสงสุวรรณ ในห้างบิ๊กซี สาขาพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกเจ้าของร้านใช้ปืนยิงใส่บาดเจ็บและหนีไปโดยไม่ได้ทอง และเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2553 ก่อเหตุที่ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว พื้นที่ สน.โชคชัย ได้ทองรูปพรรณ 135 บาท คดีอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับ
“นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับอีกหลายคดี ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลอาญาที่ 1292/2553 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2553 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หลังจากเข้าไปลักทรัพย์ในร้านบิ๊กคาเมร่า ท้องที่ สน.หัวหมาก 2.หมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่ 221/2552 ลงวันที่ 27 ต.ค.2552 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกับนางวาสนา นารา ลักทรัพย์ร้านมินิมาร์ท ท้องที่ สภ.บ้านนา จ.นครนายก 3.หมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 295/2547 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2553 ในข้อหาลักทรัพย์ หลังจากลักทรัพย์แผ่นซีดีร้านแมงป่อง สามย่าน ท้องที่ สน.ปทุมวัน นอกจากนี้ ยังมีประวัติถูกจับกุมในคดีต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง โดยถูกจับกุมครั้งแรกตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจะสอบสวนขยายผลต่อไป” ผบช.น.กล่าว
ด้าน นายสุพจน์ให้การรับสารภาพว่า การเลือกก่อเหตุนั้นจะดูโอกาสถ้าจังหวะที่คนน้อยก็จะเข้าไปก่อเหตุ โดยเลือกร้านที่มักมีผู้หญิงเป็นคนเฝ้า ในการก่อเหตุแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีการเตรียมการแต่อย่างใด จะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว สำหรับที่เลือกปล้นทองภายในห้างเนื่องจากคนเยอะ ง่ายต่อการหลบหนีเพราะจะทำให้เกิดการชุลมุน ส่วนปืนที่มีก็ขโมยไว้ใช้เพื่อนำมาข่มขู่ขณะปล้น และทองที่ได้มาก็นำไปขายตามร้านจนเหลือทองน้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น แต่จะไม่ไปขายที่โรงรับจำนำ ส่วนเงินที่ได้จากการขายทองก็นำไปใช้เล่นการพนันตามชายแดน เนื่องจากติดการพนัน โดยยอมรับว่าก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมดจริง ส่วนกรณีที่มีคนร้ายปล้นทองท้องที่ สน.ดอนเมืองนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพราะว่าขณะเกิดเหตุอยู่ที่เชียงใหม่
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธปืน และโดยแปลงตัวหรือมอมหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุมมีอาวุธและใช้เครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร