ASTVผู้จัดการรายวัน – เช็คสต๊อกบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทในตลาด รับโครงการทิ้งทวนนโยบายประชาภิวัฒน์ของรัฐบาลก่อนยุบสภา “บ้านหลังแรก” เตือนดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ระวังเอ็นพีแอลตามมาหลัง จับตาบิ๊กอสังหาฯกวาดยอดขายดันตัวเลขไตรมาส 2 พุ่ง ราคาหุ้นรอรับล่วงหน้า
มาตรการช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านเป็นของตนเองได้ง่าย ใน 2 โครงการ คือ “โครงการบ้านหลังแรกและโครงการแปลงเช่าเป็นซื้อ” วงเงิน 50,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมเสนอให้ลดค่าธรรมเนียมและการจดจำนอง 3% นับเป็นอีกหนึ่งในนโยบายประชาภิวัฒน์ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และถือเป็นนโยบายทิ้งทวนก่อนประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)อีกครั้ง ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะได้รับการอนุมัติและสามารถเริ่มโครงการด้ายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เป็นผู้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับโครงการบ้านหลักแรกจำหนดวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0% หลังจากนั้นในปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.5% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR = 6.75) ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี แต่เมื่อนับรวมอายุผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี สามารถยื่นคำขอกู้ได้ถึง 30 ธันวาคม 2554 และทำนิติกรรมภายใน 1 พฤษภาคม 2555
*****เตือนหนี้เสียหลังใช้ดบ.ลอยตัว!
นับว่าเป็นที่จับตาอย่างมากสำหรับ นโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่จัดทำโครงการบ้านหลัง โดยมีธอส.ค่อยรับลูกสนองนโยบาย โดยเตรียมวงเงินปล่อยกู้ในโครงการกว่า 50,000ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 0% นายถึง2ปี อย่างไรก็ตาม การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะวันที่ครบกำหนด 2 ปี ค่างวดที่เคยผ่อนดอกเบี้ย 0% หรือไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ขยับขึ้นมาโดยต้องบวกดอกเบี้ยในช่วงนั้นๆ อีก 6-7%คนผ่อนบ้านจะมีภาระเพิ่มขึ้นและอาจจะเป็นปัญหาหนี้เสียขึ้นมาในอนาคต
****"กูรู"หวั่น5หมื่นล.เครื่องมือรัฐหาเสียง!
นายมานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า นโยบายสนับสนุนบ้านหลังแรกของภาครัฐ ยังขาดความชัดเจนว่าปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ยจาก0% หลังจาก2ปีแรก จะเป็นอย่างไร หรือหลังจากนั้นผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราเท่าไร ซึ่งการนำ อัตราดอกเบี้ย 0% มาจูงใจในระยะสั้นจะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ โดยเฉพาะความพร้อมทางการเงินในอนาคต ไม่เช่นนั้นเงินกู้ 5 หมื่นล้านบาท จะกลายเป็นแค่เครื่องมือหาเสียงที่ไม่เกิดมรรคผลอันใด ดีไม่ดีจะก่อปัญหาหนี้ในอนาคตได้แบบไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
***จับตาคิว2รายใหญ่ยอดขายพุ่งดันราคาหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน ผลในเชิงบวกของมาตรการข้างต้น น่าจะเกื้อหนุนต่อบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่จดทะเบียนในตลาหลักทรัพย์ จากการจากการเก็บข้อมูล บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มีบ้านจะรอโอนภายในปีนี้ 18,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านและทาวน์เฮาส์ ราคาเฉลี่ย 2 ล้าน บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) มียอดคอนโดฯที่รอโอนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าแคมเปญดังกล่าว จะช่วยเร่งระบายสต๊อกสินค้าที่มีอยู่ให้หมดไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว
บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีสต๊อกที่อยู่อาศัยรอโอนให้ลูกค้าปีนี้ 600 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ณ สิ้นปี 2553 มียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้ 19,064 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 8,142 ล้านบาท หรือ 42.7%จะรับรู้เป็นรายได้ในปี54 และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 57 ดังนั้น คาดว่ารายได้สิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 13,361ล้านบาท มีแบ็กล็อกรองรับกว่า 61%
**** รับสร้างบ้านหวังแจมดอกเบี้ย0%
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดีเฮ้าส์ ในฐานนายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THAC) กล่าวว่า วันนี้ (28เม.ย.) สมาคมฯได้รับเชิญจาก ธอส. ให้เข้าไปหารือเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อหรับหรับลูกค้าในกลุ่มบ้านสร้างเอง เพื่อกำหนดเงือนไขสินเชื่อพิเศษสำหรับลูกค้าของบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ เบื้องต้น ธอส.ได้ขอข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของสมาชิกฯสมาคม รวมถึงแบบของพีดีเฮ้าส์ว่า มีสินค้าที่รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าของ ธอส. มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ การที่ ธอส.ได้เรียกให้เข้าไปหารือเกี่ยวกับปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าในกลุ่มบ้านสร้างเองนั้นถือว่าเป็นทิศทางที่ดีต่อการขยายตัวของตลาดในต่างจังหวัด โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม ข้าราชการ และสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีอยู่จำนวนมาก ที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มดังกล่าวต้องการขอสินเชื่อจาก ธอส. เป็นหลัก เนื่องจากได้รับสิทธิ์พิเศษทางด้านดอกเบี้ย
มาตรการช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านเป็นของตนเองได้ง่าย ใน 2 โครงการ คือ “โครงการบ้านหลังแรกและโครงการแปลงเช่าเป็นซื้อ” วงเงิน 50,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมเสนอให้ลดค่าธรรมเนียมและการจดจำนอง 3% นับเป็นอีกหนึ่งในนโยบายประชาภิวัฒน์ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และถือเป็นนโยบายทิ้งทวนก่อนประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)อีกครั้ง ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะได้รับการอนุมัติและสามารถเริ่มโครงการด้ายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เป็นผู้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับโครงการบ้านหลักแรกจำหนดวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0% หลังจากนั้นในปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.5% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR = 6.75) ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี แต่เมื่อนับรวมอายุผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี สามารถยื่นคำขอกู้ได้ถึง 30 ธันวาคม 2554 และทำนิติกรรมภายใน 1 พฤษภาคม 2555
*****เตือนหนี้เสียหลังใช้ดบ.ลอยตัว!
นับว่าเป็นที่จับตาอย่างมากสำหรับ นโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่จัดทำโครงการบ้านหลัง โดยมีธอส.ค่อยรับลูกสนองนโยบาย โดยเตรียมวงเงินปล่อยกู้ในโครงการกว่า 50,000ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 0% นายถึง2ปี อย่างไรก็ตาม การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะวันที่ครบกำหนด 2 ปี ค่างวดที่เคยผ่อนดอกเบี้ย 0% หรือไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ขยับขึ้นมาโดยต้องบวกดอกเบี้ยในช่วงนั้นๆ อีก 6-7%คนผ่อนบ้านจะมีภาระเพิ่มขึ้นและอาจจะเป็นปัญหาหนี้เสียขึ้นมาในอนาคต
****"กูรู"หวั่น5หมื่นล.เครื่องมือรัฐหาเสียง!
นายมานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า นโยบายสนับสนุนบ้านหลังแรกของภาครัฐ ยังขาดความชัดเจนว่าปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ยจาก0% หลังจาก2ปีแรก จะเป็นอย่างไร หรือหลังจากนั้นผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราเท่าไร ซึ่งการนำ อัตราดอกเบี้ย 0% มาจูงใจในระยะสั้นจะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ โดยเฉพาะความพร้อมทางการเงินในอนาคต ไม่เช่นนั้นเงินกู้ 5 หมื่นล้านบาท จะกลายเป็นแค่เครื่องมือหาเสียงที่ไม่เกิดมรรคผลอันใด ดีไม่ดีจะก่อปัญหาหนี้ในอนาคตได้แบบไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
***จับตาคิว2รายใหญ่ยอดขายพุ่งดันราคาหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน ผลในเชิงบวกของมาตรการข้างต้น น่าจะเกื้อหนุนต่อบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่จดทะเบียนในตลาหลักทรัพย์ จากการจากการเก็บข้อมูล บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มีบ้านจะรอโอนภายในปีนี้ 18,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านและทาวน์เฮาส์ ราคาเฉลี่ย 2 ล้าน บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) มียอดคอนโดฯที่รอโอนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าแคมเปญดังกล่าว จะช่วยเร่งระบายสต๊อกสินค้าที่มีอยู่ให้หมดไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว
บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีสต๊อกที่อยู่อาศัยรอโอนให้ลูกค้าปีนี้ 600 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ณ สิ้นปี 2553 มียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้ 19,064 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 8,142 ล้านบาท หรือ 42.7%จะรับรู้เป็นรายได้ในปี54 และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 57 ดังนั้น คาดว่ารายได้สิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 13,361ล้านบาท มีแบ็กล็อกรองรับกว่า 61%
**** รับสร้างบ้านหวังแจมดอกเบี้ย0%
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดีเฮ้าส์ ในฐานนายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THAC) กล่าวว่า วันนี้ (28เม.ย.) สมาคมฯได้รับเชิญจาก ธอส. ให้เข้าไปหารือเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อหรับหรับลูกค้าในกลุ่มบ้านสร้างเอง เพื่อกำหนดเงือนไขสินเชื่อพิเศษสำหรับลูกค้าของบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ เบื้องต้น ธอส.ได้ขอข้อมูลรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของสมาชิกฯสมาคม รวมถึงแบบของพีดีเฮ้าส์ว่า มีสินค้าที่รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าของ ธอส. มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ การที่ ธอส.ได้เรียกให้เข้าไปหารือเกี่ยวกับปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าในกลุ่มบ้านสร้างเองนั้นถือว่าเป็นทิศทางที่ดีต่อการขยายตัวของตลาดในต่างจังหวัด โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม ข้าราชการ และสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีอยู่จำนวนมาก ที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มดังกล่าวต้องการขอสินเชื่อจาก ธอส. เป็นหลัก เนื่องจากได้รับสิทธิ์พิเศษทางด้านดอกเบี้ย