ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ติดเครื่องถก FTA ไทย-อินเดีย เร่งเจรจาเปิดเสรีสินค้า 5,000 รายการ การค้าบริการและการลงทุน ตั้งเป้าเสร็จภายในปีนี้ หวังชิงตลาดอินเดียคืนจากคู่แข่งทั้งสิงคโปร์ เกาหลี มาเลเซีย ที่ได้ทำ FTA ไปก่อนหน้านี้ แถมมีญี่ปุ่น ออสเตรเลียและอียูเข้าคิวทำอีก มั่นใจหากปิดดีลเจรจาได้จะช่วยดันการคาเพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 57 ได้แน่
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย.2554 ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าไทย-อินเดีย ครั้งที่ 20 และการประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการเจรจาในเรื่องต่างๆ ทั้งการเปิดเสรีสินค้า กฎถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า การค้าบริการ การลงทุน และกลไกระงับข้อพิพาทให้มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยไทยจะเน้นหารือรายการสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายต้องการให้แต่ละฝ่ายเปิดเสรีให้ดีขึ้นกว่าที่เปิดไปแล้วในกรอบ FTA อาเซียน-อินเดีย
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการเจรจา FTA กับอินเดีย เพราะล่าสุดอินเดียได้มีการทำ FTA กับหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่แข่งของไทยในตลาดอินเดีย โดยที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ได้แก่ อินเดีย-สิงคโปร์ เริ่ม 1 ส.ค.2548 อินเดีย-เกาหลี เริ่ม 1 ม.ค.2553 อินเดีย-มาเลเซีย คาดว่าจะเริ่ม 1 ก.ค.2554 อาเซียน-อินเดีย เฉพาะสินค้าเริ่ม 1 ม.ค.2553 และที่อยู่ระหว่างเจรจา ได้แก่อินเดีย-ญี่ปุ่น อินเดีย-ออสเตรเลีย และอินเดีย-สหภาพยุโรป เป็นต้น ซึ่งหากไทยช้าจะเสียเปรียบประเทศคู่แข่งในการบุกเจาะตลาดอินเดียได้
ทั้งนี้ ในส่วนของไทยได้มีการเจรจา FTA กับอินเดียตั้งแต่ปี 2549 ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าเร่งด่วน (Early Harvest Scheme) แต่ครอบคลุมสินค้าเพียง 82 รายการเท่านั้น ส่วนการเจรจาการเปิดเสรีการค้าสินค้าในครั้งนี้ จะมีรายการสินค้าเกือบ 5,000 รายการ ที่จะเข้ามาสู่กระบวนการเปิดเสรี ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ จะช่วยให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดอินเดียได้ดีขึ้นและมากขึ้นและแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของไทยในอินเดียจากคู่แข่งได้ดีขึ้น
สำหรับตลาดอินเดีย ไทยได้ตั้งเป้าหมายในการเป็นหุ้นส่วนระดับยุทธศาสตร์ โดยผู้นำของทั้งสองประเทศได้ประกาศร่วมกันให้เร่งสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-อินเดีย ที่ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายการค้าให้เป็น 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2557 จากประมาณ 6,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาในโอกาสที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือนอินเดีย ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เมื่อต้นเดือนเม.ย.2554 ที่ผ่านมา
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย.2554 ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าไทย-อินเดีย ครั้งที่ 20 และการประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการเจรจาในเรื่องต่างๆ ทั้งการเปิดเสรีสินค้า กฎถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า การค้าบริการ การลงทุน และกลไกระงับข้อพิพาทให้มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยไทยจะเน้นหารือรายการสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายต้องการให้แต่ละฝ่ายเปิดเสรีให้ดีขึ้นกว่าที่เปิดไปแล้วในกรอบ FTA อาเซียน-อินเดีย
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการเจรจา FTA กับอินเดีย เพราะล่าสุดอินเดียได้มีการทำ FTA กับหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่แข่งของไทยในตลาดอินเดีย โดยที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ได้แก่ อินเดีย-สิงคโปร์ เริ่ม 1 ส.ค.2548 อินเดีย-เกาหลี เริ่ม 1 ม.ค.2553 อินเดีย-มาเลเซีย คาดว่าจะเริ่ม 1 ก.ค.2554 อาเซียน-อินเดีย เฉพาะสินค้าเริ่ม 1 ม.ค.2553 และที่อยู่ระหว่างเจรจา ได้แก่อินเดีย-ญี่ปุ่น อินเดีย-ออสเตรเลีย และอินเดีย-สหภาพยุโรป เป็นต้น ซึ่งหากไทยช้าจะเสียเปรียบประเทศคู่แข่งในการบุกเจาะตลาดอินเดียได้
ทั้งนี้ ในส่วนของไทยได้มีการเจรจา FTA กับอินเดียตั้งแต่ปี 2549 ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าเร่งด่วน (Early Harvest Scheme) แต่ครอบคลุมสินค้าเพียง 82 รายการเท่านั้น ส่วนการเจรจาการเปิดเสรีการค้าสินค้าในครั้งนี้ จะมีรายการสินค้าเกือบ 5,000 รายการ ที่จะเข้ามาสู่กระบวนการเปิดเสรี ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ จะช่วยให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดอินเดียได้ดีขึ้นและมากขึ้นและแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของไทยในอินเดียจากคู่แข่งได้ดีขึ้น
สำหรับตลาดอินเดีย ไทยได้ตั้งเป้าหมายในการเป็นหุ้นส่วนระดับยุทธศาสตร์ โดยผู้นำของทั้งสองประเทศได้ประกาศร่วมกันให้เร่งสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-อินเดีย ที่ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายการค้าให้เป็น 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2557 จากประมาณ 6,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาในโอกาสที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือนอินเดีย ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เมื่อต้นเดือนเม.ย.2554 ที่ผ่านมา