ASTV ผู้จัดการรายวัน-เปิดโพยอาเซียนเปิดเสรีบริการล่าสุด พบสาขาท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ให้ถือหุ้นได้ 100% ในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร นำเที่ยว ด้านธุรกิจก่อสร้าง สิงคโปร์และอาเซียนใหม่ใจถึงเปิดให้ถือหุ้นได้ 100% เข่นกัน แนะธุรกิจไทยวางแผนบุกเจาะตลาด
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาชิกอาเซียนได้มีการเปิดเสรีสาขาบริการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสาขาเร่งรัดการเปิดเสรีเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว โดยในปี 2551 ต้องเปิดให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้อย่างน้อย 51% ปี 2553 ถือหุ้นได้ 70% ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ทำได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ไทยได้ผูกพันการเปิดเสรีให้เป็นไปตามที่กฎหมายภายในประเทศกำหนด โดยยังจำกัดสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่ให้เกิน 49%
ทั้งนี้ ในการเปิดเสรีสาขาบริการท่องเที่ยว พบว่า ธุรกิจโรงแรม ทุกประเทศได้เปิดเสรีเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า อนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนสามารถถือหุ้นได้ถึง 100% ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม 3-5 ดาว ส่วนมาเลเซียอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นในโรงแรม 4-5 ดาว ได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซียอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นในโรงแรม 3-5 ดาว ได้ 100% ในบางพื้นที่ แต่พื้นที่อื่นนอกเหนือจากพื้นที่ที่กำหนดอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 51%
นอกจากนี้ ลาวยังกำหนดอีกว่าหากต้องการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่น้อยกว่า 30% ธุรกิจร้านอาหาร ทุกประเทศยกเว้นมาเลเซียและอินโดนีเซีย ได้เปิดเสรีโดยอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ 100% โดยมาเลเซียให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซีย อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ในบางพื้นที่ที่กำหนด แต่พื้นที่อื่นนอกเหนือจากนั้นไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น นอกจากนี้ ลาวยังมีการกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นด้วยว่าหากต้องการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับธุรกิจนำเที่ยว สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม และพม่า อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึง 100% มาเลเซีย อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซียอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 100% แต่จำกัดพื้นที่เฉพาะในบาหลี และจำนวนไม่เกิน 55 แห่ง ฟิลิปปินส์อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 60% ลาวอนุญาตให้ลงทุนเฉพาะ Travel Agency เท่านั้น และต้องร่วมทุนกับนักลงทุนลาว และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติไม่เกิน 70% และกัมพูชาอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 51%
“เป็นโอกสดีของผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจบริการท่องเที่ยวในอาเซียน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ได้มีการเปิดเสรีเกินกว่าที่กำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม อาเซียนอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 8 ซึ่งไทยจะต้องมีการเปิดเสรีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะผลักดันให้อาเซียนมีการเปิดเสรีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ไทยมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เนื่องจากไทยมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีความหลากหลาย มีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ และคนไทยที่มี Service Mind ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย”นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์กล่าวว่า สาขาบริการก่อสร้าง ได้กำหนดให้มีการเปิดเสรีให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้อย่างน้อย 51% ในปี 2553 และ 70% ในปี 2558 ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ทำได้ตามเป้าหมาย ยกเว้นไทยและฟิลิปปินส์ โดยไทยจำกัดการถือหุ้นไม่เกิน 49% ฟิลิปปินส์ไม่เกิน 40% ทั้งนี้ ล่าสุดสิงคโปร์ และอาเซียนใหม่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามได้เปิดเสรีสาขาบริการก่อสร้างโดยอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นในบริษัทก่อสร้างได้ถึง 100% แต่ลาวยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติม หากเป็นการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนของหุ้นต่างชาติอย่างน้อย 30% พม่า 35% ส่วนอาเซียนอื่นๆ ได้แก่ บรูไน และอินโดนีเซีย ให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 55% มาเลเซีย 51%
ทั้งนี้ ในการเปิดเสรีบริการชุดที่ 8 ไทยจำเป็นต้องเปิดเสรีบริการก่อสร้างให้ทันอาเซียนอื่น เพราะไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมาก จึงควรจะหาทางใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรี โดยเฉพาะการรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเปิดเสรีสูง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคณะกรรมการด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ภายใต้การดูแลของสำนักงานผู้แทนการค้าไทย ได้เห็นควรให้จัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ไปยัง 6 ประเทศ ได้แก่ ลิเบีย บาห์เรน ศรีลังกา เวียดนาม อินเดีย และเอธิโอเปีย
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาชิกอาเซียนได้มีการเปิดเสรีสาขาบริการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสาขาเร่งรัดการเปิดเสรีเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว โดยในปี 2551 ต้องเปิดให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้อย่างน้อย 51% ปี 2553 ถือหุ้นได้ 70% ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ทำได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ไทยได้ผูกพันการเปิดเสรีให้เป็นไปตามที่กฎหมายภายในประเทศกำหนด โดยยังจำกัดสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่ให้เกิน 49%
ทั้งนี้ ในการเปิดเสรีสาขาบริการท่องเที่ยว พบว่า ธุรกิจโรงแรม ทุกประเทศได้เปิดเสรีเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า อนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนสามารถถือหุ้นได้ถึง 100% ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม 3-5 ดาว ส่วนมาเลเซียอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นในโรงแรม 4-5 ดาว ได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซียอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นในโรงแรม 3-5 ดาว ได้ 100% ในบางพื้นที่ แต่พื้นที่อื่นนอกเหนือจากพื้นที่ที่กำหนดอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 51%
นอกจากนี้ ลาวยังกำหนดอีกว่าหากต้องการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่น้อยกว่า 30% ธุรกิจร้านอาหาร ทุกประเทศยกเว้นมาเลเซียและอินโดนีเซีย ได้เปิดเสรีโดยอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ 100% โดยมาเลเซียให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซีย อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ในบางพื้นที่ที่กำหนด แต่พื้นที่อื่นนอกเหนือจากนั้นไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น นอกจากนี้ ลาวยังมีการกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นด้วยว่าหากต้องการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนหุ้นต่างชาติไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับธุรกิจนำเที่ยว สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม และพม่า อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึง 100% มาเลเซีย อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% แต่ต้องร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียหรือบริษัทที่ควบคุมโดยคนมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซียอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 100% แต่จำกัดพื้นที่เฉพาะในบาหลี และจำนวนไม่เกิน 55 แห่ง ฟิลิปปินส์อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 60% ลาวอนุญาตให้ลงทุนเฉพาะ Travel Agency เท่านั้น และต้องร่วมทุนกับนักลงทุนลาว และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติไม่เกิน 70% และกัมพูชาอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 51%
“เป็นโอกสดีของผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจบริการท่องเที่ยวในอาเซียน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ได้มีการเปิดเสรีเกินกว่าที่กำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม อาเซียนอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 8 ซึ่งไทยจะต้องมีการเปิดเสรีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะผลักดันให้อาเซียนมีการเปิดเสรีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ไทยมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เนื่องจากไทยมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีความหลากหลาย มีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ และคนไทยที่มี Service Mind ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย”นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์กล่าวว่า สาขาบริการก่อสร้าง ได้กำหนดให้มีการเปิดเสรีให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้อย่างน้อย 51% ในปี 2553 และ 70% ในปี 2558 ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ทำได้ตามเป้าหมาย ยกเว้นไทยและฟิลิปปินส์ โดยไทยจำกัดการถือหุ้นไม่เกิน 49% ฟิลิปปินส์ไม่เกิน 40% ทั้งนี้ ล่าสุดสิงคโปร์ และอาเซียนใหม่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามได้เปิดเสรีสาขาบริการก่อสร้างโดยอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นในบริษัทก่อสร้างได้ถึง 100% แต่ลาวยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติม หากเป็นการร่วมลงทุนจะต้องมีสัดส่วนของหุ้นต่างชาติอย่างน้อย 30% พม่า 35% ส่วนอาเซียนอื่นๆ ได้แก่ บรูไน และอินโดนีเซีย ให้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 55% มาเลเซีย 51%
ทั้งนี้ ในการเปิดเสรีบริการชุดที่ 8 ไทยจำเป็นต้องเปิดเสรีบริการก่อสร้างให้ทันอาเซียนอื่น เพราะไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมาก จึงควรจะหาทางใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรี โดยเฉพาะการรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเปิดเสรีสูง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคณะกรรมการด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ภายใต้การดูแลของสำนักงานผู้แทนการค้าไทย ได้เห็นควรให้จัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ไปยัง 6 ประเทศ ได้แก่ ลิเบีย บาห์เรน ศรีลังกา เวียดนาม อินเดีย และเอธิโอเปีย