ASTVผู้จัดการรายวัน – “ชาญอิสสระ” ปรับแผนพัฒนาอสังหาฯใหม่ หันลงทุนโรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สนามกอล์ฟ สปอตคลับ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ระยะยาวเป็น 50% จากปัจจุบันมีเพียง 20% ล่าสุดตั้งบริษัทร่วมทุนผุดโครงการมิกซ์ยูสบนเนื้อที่ 60 ไร่ ริมหาดชะอำ ปี 55 งัดที่ดิน 1,000 ไร่ย่านสวรรณภูมิผุดสนามกอล์ฟ พร้อมสร้างวิลล่าหรูเพิ่ม 40 หลังในศรีพันวา ภูเก็ต คาดปีนี้กวาดรายได้ 1,500 ล้านบาท
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการให้เช่าหรือโครงการที่สร้างรายได้ระยะยาว เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเช่าของบริษัทเป็น 50% และรายได้จากการขาย 50% จากที่ปัจจุบันมีรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 20% และมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 80%
โดยในปีนี้มีแผนลงทุน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ อิสสระ วิลเลจ เป็นโครงการทาวน์โฮม เพื่อขายจำนวน 35 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ ใน อ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และโครงการขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 60 ไร่ ริมหาดหาดชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนของ 3 กลุ่ม ระหว่างบริษัทถือหุ้น 50%, บริษัทชาญอิสระ วิภาพล จำกัด และเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนใหม่
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะพัฒนาในรูปแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม โรงแรม และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยแบ่งการพัฒนาเป็นเฟสๆแรกจะพัฒนาคอนโดมิเนียมมูลค่า 1,200 ล้านบาท และโรงแรมระดับ 3-4 ดาว มูลค่า 600-700 ล้านบาท ส่วนเฟสต่อไปจะพัฒนาวิลล่าและคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่สร้างรายได้ระยะยาวของบริษัท
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนของรายได้ระยะยาว บริษัทมีแผนจะนำที่ดินในย่านถนนลาดกระบัง ติดสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 1,000 ไร่ พัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ สปอตคลับ และโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายบางส่วน โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในปี 55 ทั้งนี้เดิมที่ดินแปลงดังกล่าวมีจำนวน 1,400 ไร่ ก่อนหน้านี้ได้แบ่งขายไป 300 ไร่ และล่าสุดตัดขายไปอีก 100 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท ให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการบิน ทำให้เหลือที่ดิน 1,000 ไร่ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีแผนจะพัฒนาบ้านพักพูลสวิท ในโครงการศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต เพิ่มอีก 40 ยูนิตซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 120-140ล้านบาท ในปี 2555 จากปัจจุบันเปิดให้บริการเป็นรีสอร์ทเพื่อเช่าจำนวน45ยูนิต
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม1,300 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาฯ 80% และรายได้จากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่า20% โดยในส่วนของอสังหาฯเพื่อเช่าแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ รายได้จากกองทุน BKKCP จำนวน100ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มโรงแรม 160 ล้านบาท
ส่วนในปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โตจากปีก่อนหน้า10-15% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากอสังหาฯเพื่อเช่า30% ได้แก่ รายได้โรงแรม 240 ล้านบาท และรายได้จากกองทุน BKKCPประมาณ 110ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากกลุ่มอสังหาฯเพื่อขาย ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้จากโครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง CI และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 65% จากมูลค่าโครงการรวม 2,600ล้านบาท คาดว่าจะทยอยโอนให้ลูกค้าได้ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขายในขณะนี้เช่น โครงการบ้านอิสสระหัวหิน
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการให้เช่าหรือโครงการที่สร้างรายได้ระยะยาว เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเช่าของบริษัทเป็น 50% และรายได้จากการขาย 50% จากที่ปัจจุบันมีรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 20% และมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 80%
โดยในปีนี้มีแผนลงทุน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ อิสสระ วิลเลจ เป็นโครงการทาวน์โฮม เพื่อขายจำนวน 35 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ ใน อ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และโครงการขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 60 ไร่ ริมหาดหาดชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนของ 3 กลุ่ม ระหว่างบริษัทถือหุ้น 50%, บริษัทชาญอิสระ วิภาพล จำกัด และเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนใหม่
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะพัฒนาในรูปแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม โรงแรม และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยแบ่งการพัฒนาเป็นเฟสๆแรกจะพัฒนาคอนโดมิเนียมมูลค่า 1,200 ล้านบาท และโรงแรมระดับ 3-4 ดาว มูลค่า 600-700 ล้านบาท ส่วนเฟสต่อไปจะพัฒนาวิลล่าและคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่สร้างรายได้ระยะยาวของบริษัท
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนของรายได้ระยะยาว บริษัทมีแผนจะนำที่ดินในย่านถนนลาดกระบัง ติดสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 1,000 ไร่ พัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ สปอตคลับ และโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายบางส่วน โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในปี 55 ทั้งนี้เดิมที่ดินแปลงดังกล่าวมีจำนวน 1,400 ไร่ ก่อนหน้านี้ได้แบ่งขายไป 300 ไร่ และล่าสุดตัดขายไปอีก 100 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท ให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการบิน ทำให้เหลือที่ดิน 1,000 ไร่ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีแผนจะพัฒนาบ้านพักพูลสวิท ในโครงการศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต เพิ่มอีก 40 ยูนิตซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 120-140ล้านบาท ในปี 2555 จากปัจจุบันเปิดให้บริการเป็นรีสอร์ทเพื่อเช่าจำนวน45ยูนิต
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม1,300 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาฯ 80% และรายได้จากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่า20% โดยในส่วนของอสังหาฯเพื่อเช่าแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ รายได้จากกองทุน BKKCP จำนวน100ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มโรงแรม 160 ล้านบาท
ส่วนในปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โตจากปีก่อนหน้า10-15% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากอสังหาฯเพื่อเช่า30% ได้แก่ รายได้โรงแรม 240 ล้านบาท และรายได้จากกองทุน BKKCPประมาณ 110ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากกลุ่มอสังหาฯเพื่อขาย ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้จากโครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง CI และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 65% จากมูลค่าโครงการรวม 2,600ล้านบาท คาดว่าจะทยอยโอนให้ลูกค้าได้ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขายในขณะนี้เช่น โครงการบ้านอิสสระหัวหิน