ASTVผู้จัดการรายวัน – เทศกาล “แบ็คทูสคูล” กระหึ่ม ค้าปลีกแห่อัดแคมเปญดุ ลุ้นไอแพด – ชิงทุนการศึกษา-คอมฯ เททสโก้ดั๊มราคาลงต่ำกว่าปีที่แล้วอีก 40% ขณะที่ซัปพลายเออร์เสื้อผ้าโอดต้นทุนผ้าพุ่งกว่า 50% พณ.เบรกปรับราคา น้อมจิตต์เบรกลงทุนปีนี้เร่งขยายตลาดใหม่
นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ จำกัด เจ้าของชุดนักเรียนแบรนด์ น้อมจิตต์ กล่าวว่า ในปีหน้าเตรียมลงทุน 40-50 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตชุดนักเรียนน้อมจิตต์ที่โรงงานบางใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 20-25% ขณะที่ปีนี้ไม่กล้าลงทุนมาก เพราะปัญหาเรื่องต้นทุนและขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนักในรอบ 30 ปี โดยต้นทุนผ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
***จ้องปรับราคาชุดนักเรียน
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงราคาจำหน่ายเดิมเพราะยังมีสต๊อกสินค้าเหลือพอที่จะจำหน่ายในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า และหลังจากนั้นจะพิจารณาปรับราคาอีก 10-20% หลังเทศกาลแบ็คทูสกูล เพราะต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผ้าโพลีเอสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบบหลักของชุดนักเรียนน้อมจิตต์มีราคาสูงขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะขยายชุดนักเรียนที่สั่งตัดเฉพาะสำหรับแต่ละโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันชุดนักเรียน made to order มีสัดส่วน 10% จากรายได้รวมทั้งบริษัทและหวังว่าจะเพิ่มเป็น 30% ใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15% โดยใช้งบการตลาด 20-30 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นการขายในช่วงปิดเทอม
นายอมร รัตนชาย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส ซี เอส ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ประกอบการรองเท้านักเรียน กล่าวว่า ยอดขายในไตรมาสแรกของรองเท้ายี่ห้อเอสซีเอสเติบโต 20% ตามเป้าหมาย ทั้งนี้กำลังซื้อในปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะลูกค้ากล้าใช้เงินซื้อสินค้ายี่ห้อที่มีราคาสูงขึ้นและซื้อในปริมาณที่มากขึ้น ประกอบกับบริษัทได้เพิ่มลูกเล่นสำหรับรองเท้าเอสซีเอสในปีนี้ โดยแถมห่วงใส่แหวนสำหรับผู้ซื้อรองเท้าทุกคู่ และออกภาพยนตร์โฆษณาสำหรับแบรนด์ป๊อบทีนด้วย
***พณ.เบรกปรับราคา
อย่างไรก็ตาม นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน จะไม่เข้าไปควบคุมราคาขาย หรือเข้มงวดกับทางผู้ผลิตชุดนักเรียนมากนัก แม้ว่าขณะนี้ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นจากค่าแรงงานกับค่าพลังงาน ซึ่งทางกรมการค้าภายในยังไม่ได้อนุมัติให้มีการปรับราคา แต่จากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงคาดว่าผู้ประกอบการจะใช้วิธีการลดราคาแทนการปรับราคาขึ้น
ล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1.กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า นำสินค้าในกลุ่มชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน มาจัดจำหน่ายในราคาประหยัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ถึงปลายเดือนพ.ค.นี้ และ 2. ร่วมเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชน โดยใช้โครงการธงฟ้าราคาประหยัด เช่น ร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส จัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดรับเปิดเทอม นำสินค้ากลุ่มชุดนักเรียน มาลดราคาสูงสุด 60%
***ค้าปลีกแข่งดุชิงไอแพด-คอมฯ-ทุนเรียน
ขณะที่ทางผู้ประกอบการค้าปลีกก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน และดูเหมือนว่าปีนี้จะแข่งขันกันรุนแรงทั้งกิจกรรม โปรโมชั่น และราคา
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ใช้งบประมาณ 8 ล้านบาท จัดแคมเปญ Back To School ระหว่างวันที่ 21 เม.ย. – 18 พ.ค.ศกนี้ ที่พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา นอกจากการทำโปรโมชั่นปีนี้นำกระแสของดิจิตอลเทรนด์ มาร่วมกระตุ้นอยดขายด้วย สำหรับงานที่ห้อง MCC. Hall เดอะมอลล์ สาขาบางแค และบางกะปิ
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายและซัปพลายเออร์มีหลากหลายเช่น ชุดนักเรียน ได้แก่ น้อมจิตต์, สมใจนึก, มงคลภัณฑ์, ซินเซียร์, ชัยพฤกษ์ ฯลฯ ในส่วนของกลุ่มรองเท้า ได้แก่ เบรคเกอร์, ป็อปทีนส์, แคชช่า, แพน, พีเอส จูเนียร์, บาจา, นันยาง เป็นต้น
สินค้าที่ลูกค้าให้ความนิยมมาซื้อในงาน ได้แก่ สินค้ากลุ่มรองเท้า มีสัดส่วนยอดขาย 60% ของยอดในงาน กลุ่มสินค้าชุดนักเรียน 30% และอีก 10% เป็นกลุ่มของอุปกรณ์การเรียน ส่วนบริการพิเศษ เช่น “ปักชื่อฟรี” และในปีนี้ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในงานครบ 500 บาท ลุ้นรับ i-Pad 16 GB จำนวน 6 รางวัล รางวัลละ 12,900 บาท และโปรโมชั่นอื่นๆ
สำหรับมาตรการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาล ซึ่งมีการแจกชุดนักเรียนไม่ถือว่าเป็นปัจจัยลบสำหรับการจัดแคมเปญดังกล่าว เนื่องจาก แคมเปญแบ็คทูสคูลถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าในช่วงเปิดเรียนอย่างคุ้มค่า และถึงแม้รัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเสื้อผ้าในบางส่วนแต่ลูกค้าก็ยังคงมีความต้องการสินค้าเหล่านี้เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ ในขณะเดียวกันลูกค้าบางกลุ่มยังสามารถนำใบเสร็จจากการซื้อสินค้าในงานไปร่วมโครงการดังกล่าวได้ โดยคาดว่ารายการ Back To School ที่จัดขึ้นจะมียอดขาย 70 ล้านบาท
ด้านนายเคิร์ท แคมป์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายลูกค้าและการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหาร “เทสโก้ โลตัส” เปิดเผยว่า เทสโก้โลตัสได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ด้วยการเข้าร่วมโครงการธงฟ้า จัดแคมเปญแบ็คทูสคูล จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียนราคาประหยัดกว่า 1,000 รายการ เช่นชุดนักเรียนทั้งชุดราคา 80 บาท ถูกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วกว่า 40% ชุดเครื่องเขียนเช่น ดินสอ ปากกา ยางลบขายในราคา 1 บาทต่อชิ้น ซึ่งปีนี้นำเสนอสินค้าใหม่ต้อนรับเปิดเทอมอีกถึง 800 รายการ
คาดว่าจะช่วยลูกค้าประหยัดได้กว่า 100 ล้านบาทในช่วงเปิดเทอม และสำหรับลูกค้าที่ใช้บัตรคลับการ์ดยังมีโอกาสลุ้นโชคเพื่อการศึกษารับเปิดเทอม ชิงรางวัลคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 30 เครื่อง และไอแพด2 จำนวน 30 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ตามเงื่อนไข
นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีได้จัดแคมเปญ “แบ็ค ทู สคูล” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ลดแหลก แจกทุน” โดยนำสินค้าต้อนรับเทศกาลเปิดเทอม อาทิ รองเท้านักเรียน ชุดนักเรียน กระเป๋า อุปกรณ์การเรียน และสินค้าอื่น มากกว่า 10 แบรนด์ มาจำหน่ายในราคาถูกวันที่ 15 เม.ย.-15 พ.ค. 54 ซึ่งปีนี้ได้ปรับลดราคาถูกกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีราคาเริ่มต้น 49 บาท และยังมีลุ้นรับบัตรกำนัลทุนการศึกษา มูลค่ากว่า 2 แสนบาทอีกด้วย
บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับแคมเปญ “แบ็ค ทู สคูล” ปีนี้ไว้ที่ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน
นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ จำกัด เจ้าของชุดนักเรียนแบรนด์ น้อมจิตต์ กล่าวว่า ในปีหน้าเตรียมลงทุน 40-50 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตชุดนักเรียนน้อมจิตต์ที่โรงงานบางใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 20-25% ขณะที่ปีนี้ไม่กล้าลงทุนมาก เพราะปัญหาเรื่องต้นทุนและขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนักในรอบ 30 ปี โดยต้นทุนผ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
***จ้องปรับราคาชุดนักเรียน
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงราคาจำหน่ายเดิมเพราะยังมีสต๊อกสินค้าเหลือพอที่จะจำหน่ายในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า และหลังจากนั้นจะพิจารณาปรับราคาอีก 10-20% หลังเทศกาลแบ็คทูสกูล เพราะต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผ้าโพลีเอสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบบหลักของชุดนักเรียนน้อมจิตต์มีราคาสูงขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะขยายชุดนักเรียนที่สั่งตัดเฉพาะสำหรับแต่ละโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันชุดนักเรียน made to order มีสัดส่วน 10% จากรายได้รวมทั้งบริษัทและหวังว่าจะเพิ่มเป็น 30% ใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15% โดยใช้งบการตลาด 20-30 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นการขายในช่วงปิดเทอม
นายอมร รัตนชาย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส ซี เอส ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ประกอบการรองเท้านักเรียน กล่าวว่า ยอดขายในไตรมาสแรกของรองเท้ายี่ห้อเอสซีเอสเติบโต 20% ตามเป้าหมาย ทั้งนี้กำลังซื้อในปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะลูกค้ากล้าใช้เงินซื้อสินค้ายี่ห้อที่มีราคาสูงขึ้นและซื้อในปริมาณที่มากขึ้น ประกอบกับบริษัทได้เพิ่มลูกเล่นสำหรับรองเท้าเอสซีเอสในปีนี้ โดยแถมห่วงใส่แหวนสำหรับผู้ซื้อรองเท้าทุกคู่ และออกภาพยนตร์โฆษณาสำหรับแบรนด์ป๊อบทีนด้วย
***พณ.เบรกปรับราคา
อย่างไรก็ตาม นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน จะไม่เข้าไปควบคุมราคาขาย หรือเข้มงวดกับทางผู้ผลิตชุดนักเรียนมากนัก แม้ว่าขณะนี้ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นจากค่าแรงงานกับค่าพลังงาน ซึ่งทางกรมการค้าภายในยังไม่ได้อนุมัติให้มีการปรับราคา แต่จากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงคาดว่าผู้ประกอบการจะใช้วิธีการลดราคาแทนการปรับราคาขึ้น
ล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1.กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า นำสินค้าในกลุ่มชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน มาจัดจำหน่ายในราคาประหยัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ถึงปลายเดือนพ.ค.นี้ และ 2. ร่วมเป็นพันธมิตรกับภาคเอกชน โดยใช้โครงการธงฟ้าราคาประหยัด เช่น ร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส จัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดรับเปิดเทอม นำสินค้ากลุ่มชุดนักเรียน มาลดราคาสูงสุด 60%
***ค้าปลีกแข่งดุชิงไอแพด-คอมฯ-ทุนเรียน
ขณะที่ทางผู้ประกอบการค้าปลีกก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน และดูเหมือนว่าปีนี้จะแข่งขันกันรุนแรงทั้งกิจกรรม โปรโมชั่น และราคา
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ใช้งบประมาณ 8 ล้านบาท จัดแคมเปญ Back To School ระหว่างวันที่ 21 เม.ย. – 18 พ.ค.ศกนี้ ที่พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา นอกจากการทำโปรโมชั่นปีนี้นำกระแสของดิจิตอลเทรนด์ มาร่วมกระตุ้นอยดขายด้วย สำหรับงานที่ห้อง MCC. Hall เดอะมอลล์ สาขาบางแค และบางกะปิ
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายและซัปพลายเออร์มีหลากหลายเช่น ชุดนักเรียน ได้แก่ น้อมจิตต์, สมใจนึก, มงคลภัณฑ์, ซินเซียร์, ชัยพฤกษ์ ฯลฯ ในส่วนของกลุ่มรองเท้า ได้แก่ เบรคเกอร์, ป็อปทีนส์, แคชช่า, แพน, พีเอส จูเนียร์, บาจา, นันยาง เป็นต้น
สินค้าที่ลูกค้าให้ความนิยมมาซื้อในงาน ได้แก่ สินค้ากลุ่มรองเท้า มีสัดส่วนยอดขาย 60% ของยอดในงาน กลุ่มสินค้าชุดนักเรียน 30% และอีก 10% เป็นกลุ่มของอุปกรณ์การเรียน ส่วนบริการพิเศษ เช่น “ปักชื่อฟรี” และในปีนี้ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในงานครบ 500 บาท ลุ้นรับ i-Pad 16 GB จำนวน 6 รางวัล รางวัลละ 12,900 บาท และโปรโมชั่นอื่นๆ
สำหรับมาตรการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาล ซึ่งมีการแจกชุดนักเรียนไม่ถือว่าเป็นปัจจัยลบสำหรับการจัดแคมเปญดังกล่าว เนื่องจาก แคมเปญแบ็คทูสคูลถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าในช่วงเปิดเรียนอย่างคุ้มค่า และถึงแม้รัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเสื้อผ้าในบางส่วนแต่ลูกค้าก็ยังคงมีความต้องการสินค้าเหล่านี้เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ ในขณะเดียวกันลูกค้าบางกลุ่มยังสามารถนำใบเสร็จจากการซื้อสินค้าในงานไปร่วมโครงการดังกล่าวได้ โดยคาดว่ารายการ Back To School ที่จัดขึ้นจะมียอดขาย 70 ล้านบาท
ด้านนายเคิร์ท แคมป์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายลูกค้าและการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหาร “เทสโก้ โลตัส” เปิดเผยว่า เทสโก้โลตัสได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ด้วยการเข้าร่วมโครงการธงฟ้า จัดแคมเปญแบ็คทูสคูล จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียนราคาประหยัดกว่า 1,000 รายการ เช่นชุดนักเรียนทั้งชุดราคา 80 บาท ถูกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วกว่า 40% ชุดเครื่องเขียนเช่น ดินสอ ปากกา ยางลบขายในราคา 1 บาทต่อชิ้น ซึ่งปีนี้นำเสนอสินค้าใหม่ต้อนรับเปิดเทอมอีกถึง 800 รายการ
คาดว่าจะช่วยลูกค้าประหยัดได้กว่า 100 ล้านบาทในช่วงเปิดเทอม และสำหรับลูกค้าที่ใช้บัตรคลับการ์ดยังมีโอกาสลุ้นโชคเพื่อการศึกษารับเปิดเทอม ชิงรางวัลคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 30 เครื่อง และไอแพด2 จำนวน 30 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ตามเงื่อนไข
นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีได้จัดแคมเปญ “แบ็ค ทู สคูล” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ลดแหลก แจกทุน” โดยนำสินค้าต้อนรับเทศกาลเปิดเทอม อาทิ รองเท้านักเรียน ชุดนักเรียน กระเป๋า อุปกรณ์การเรียน และสินค้าอื่น มากกว่า 10 แบรนด์ มาจำหน่ายในราคาถูกวันที่ 15 เม.ย.-15 พ.ค. 54 ซึ่งปีนี้ได้ปรับลดราคาถูกกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีราคาเริ่มต้น 49 บาท และยังมีลุ้นรับบัตรกำนัลทุนการศึกษา มูลค่ากว่า 2 แสนบาทอีกด้วย
บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับแคมเปญ “แบ็ค ทู สคูล” ปีนี้ไว้ที่ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน
