โรงตึ๊ง-ร้านทอง-โต๊ะมือถือพิจิตรคึกรับเปิดเทอมผู้ปกครองแห่จำนำกันวุ่น

พิจิตร - สถานธนานุบาล-ร้านทอง ร้านแลกเปลี่ยนมือถือเมืองชาละวัน คึกคักก่อนวันเปิดเทอม ผู้ปกครองแห่ใช้บริการ หาเงินสดจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลาน ขณะที่ร้านจำหน่ายชุด นร.กลับเหงา

นางยุคลธร ทองปรีชา ผู้จัดการสถานธนานุบาล (โรงรับจำนำ) เทศบาลเมืองพิจิตร ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนราษฎร์เกษมอุทิศ อ.เมือง จ.พิจิตร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บรรยากาศการรับจำนำก่อนเปิดเทอมมีลูกค้าประชาชนมาใช้บริการมากกว่าปกติทั่วไป 30% ส่วนใหญ่จะนำทองคำรูปพรรณ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งเครื่องมือทางการเกษตร มาจำนำเป็นจำนวนมาก โดยช่วงนี้มียอดการรับจำนำสิ่งของประมาณวันละ 1 ล้านบาทเศษ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

เหตุที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความนิยมเข้าโรงรับจำนำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยถูก โดยคิดดอกเบี้ยเพียงแค่ร้อยละหนึ่งบาทเท่านั้น อีกทั้งให้มีระยะเวลาการไถ่ถอนนานถึง 4 เดือน

นายยุคลธร บอกว่า ก่อนเปิดเทอมนี้ทางโรงรับจำนำเทศบาลเมืองพิจิตร ได้สำรองเงินไว้ปล่อยกู้ต้อนรับเปิดเทอมถึง 30 ล้านบาท และหากไม่เพียงพอเทศบาลเมืองพิจิตรก็ยังมีเงินสำรองให้ปล่อยกู้รอบสอง ช่วงต้นของการเปิดเทอมอีก 10 ล้านบาทด้วย

ขณะที่ นายบัณฑูรย์ ตั้งประดิษฐ์ ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายทองคำรูปพรรณ “ร้านทองตั้งเซียมเฮง” กล่าวว่า ก่อนเปิดภาคเรียนร้านจำหน่ายและแลกเปลี่ยนทองคำรูปพรรณหลายแห่งในตลาดเทศบาลเมืองพิจิตร ต่างคึกคักไปด้วยผู้ปกครองที่นำทองคำรูปพรรณชนิดต่างๆ มาจำนำกับร้านทองจำนวนมากกว่าการซื้อขายทั่วไปถึง 30-40% เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายให้แก่บุตรหลานในช่วงเปิดเทอม

เช่นเดียวกับร้าน “คอมเทล” ซึ่งเป็นร้านจำหน่าย แลกซื้อโทรศัพท์มือถือ มีผู้ปกครองนำโทรศัพท์มือถือ มาจำนำกับทางร้านจำนวนมากเฉลี่ยวันละ 20-40 เครื่องต่อวัน เนื่องจากจำนำง่าย และก็มีผู้ปกครองบางรายที่นำโทรศัพท์มือถือราคาแพงมาขาย แล้วซื้อโทรศัพท์ราคาถูกไปใช้ ส่วนเงินที่เหลือก็นำไปใช้เพื่อเป็นอุปกรณ์การเรียนในช่วงเปิดเทอมให้แก่บุตรหลาน

แต่ในส่วนของร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชุดนักเรียนกลับเงียบเหงา โดย นางสุกัญญา องค์วรวุฒิ เจ้าของร้านองค์วัฒนา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตลาดสดเทศบาล 1 อ.เมือง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ที่จริงแล้วในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ก็จะเปิดภาคเรียน ทำให้ผู้ปกครองต่างต้องเร่งรีบจัดหาชุดเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา ให้กับบุตรหลานตนเอง แต่บรรยากาศตามร้านจำหน่ายเครื่องแบบชุดนักเรียน-นักศึกษาหลายแห่งในจังหวัดพิจิตรไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าทางร้านจะจัดโปรโมชั่น ลด ,แลก แจกแถม และขายราคาเดิม ก็ยังขายไม่ดีเนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่จะรัดเข็มขัดกันมากขึ้น และต้องช่วยกันประหยัด ด้วยเหตุพิษเศรษฐกิจ

ดังนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จึงนิยมดัดแปลงเอาเสื้อผ้าชุดนักเรียนของรุ่นพี่มาให้รุ่นน้องได้ใส่ ซึ่งในหลายสถาบันก็ออกมารณรงค์ให้ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนใช้ของต่อๆ กัน เพื่อเป็นการสร้างค่านิยมการประหยัดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ส่งผลให้ชุดนักเรียนของใหม่ยอดขายตกไปตามๆ กัน จะมีก็แต่เพียงร้านปักชื่อนักเรียนและร้านรับปักเครื่องหมายโรงเรียนเท่านั้นที่ยังคึกคักแต่เสื้อนักเรียนที่นำมาปักส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นของพี่ให้น้องดังกล่าว