ศูนย์ข่าวภูเก็ต-กระทรวงพาณิชย์ทำตลาดเกษตรอินทรีย์เชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ หวังดันไทยเป็น “ฮับเกษตรอินทรีย์” ในอาเซียนในอีก 5 ปี ข้างหน้า และทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี
วานนี้ (20 เม.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กระทรวงพาณิชย์ได้จัดสัมมนาเรื่อง “ภูเก็ต ช่องทางเกษตรอินทรีย์กับชีวิตที่เลือกได้” หรือ Organic:Alternative Life ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 เม.ย.โดยมีนางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งมีผู้ประกอบการด้านโรงแรม ร้านอาหาร สปา ร้านจำหน่ายของฝาก เข้าร่วม 200 คน
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และต่างประเทศ ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทำให้เกิดการตื่นตัวและกระตุ้นในประชาชนนิยมบริโภคเพื่อสุขภาพรวมทั้งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สนับสนุนให้มีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่สามารถใช้ในการจัดทำแผนงานด้านการตลาดเชิงรุก ส่งผลให้ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก รวมทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ และเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงความสำคัญ โอกาสทางการตลาด และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์เพื่อการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร และให้เป้าหมายร่วมขับเคลื่อนการนำเกษตรอินทรีย์สู่ตลาดทั้งในและ ต่างประเทศ เช่น เมนูอาหารจากเกษตรอินทรีย์ สปาอินทรีย์ จัดมุมจำหน่ายสินค้าอินทรีย์ และร้านอาหารอินทรีย์ เป็นต้น
ภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรม การประชุมสัมมนาทางวิชาการ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้อง การแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ โชว์การปรุงเมนูพิเศษเกษตรอินทรีย์ของเชฟกิตติมศักดิ์ นูรอ โซ๊ะมณี เสต็ปเป้ ผู้เปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรม นำอาหารไทยสู่สากล และการแข่งขันเมนูสุขภาพจากเกษตรอินทรีย์ของเชฟโรงแรมดังในภูเก็ต และกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์จากแหล่งผลิตต่างๆ กับ ผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร สปา ร้านของฝาก ในจังหวัดภูเก็ต
นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ขณะนี้มีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ 30-40 จังหวัด เพื่อผลักดันเกษตรอินทรีย์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยในส่วนของภาคเหนือได้มุ่งเน้นไปที่เกษตรอินทรีย์ที่เป็นสมุนไพร ภาคอีสานเรื่องของข้าว ภาคกลางเน้นที่ผลไม้ และภาคใต้มีความโดดเด่นในเรื่องของธุรกิจบริการที่เป็นเกษตรอินทรีย์ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สปา โดยเฉพาะภูเก็ตถือว่าเป็นมากที่จะทำตลาดบริการเกษตรอินทรีย์ หรือ “organic” ซึ่งโรงแรม สปา ในภูเก็ตหลายๆ แห่งเป็น organic ได้มากกว่าในต่างประเทศ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดเด่นที่จะนำผลผลิตเกษตรอินทรีย์สู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นต่างชาติมากขึ้น
รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเกษตรอินทรีย์ (Hub organic) ในอาเซียน ภายใน 4-5 ปีจากนี้ ด้วยการส่งเสริมตลาดเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการนำผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ในประเทศไปพบผู้ซื้อทั้งในยุโรป อังกฤษ เยอรมัน และสหรัฐอเมริกา ในช่วงของการจัดงานที่เกี่ยวกับสินค้า organic ซึ่งสินค้าของไทยได้รับการตอบรับที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว สบู่ ที่ใช้ในกิจการสปา ซึ่งสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยมีช่องทางและโอกาสในตลาด ยุโรป สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และสเปน มาก รวมทั้งในประเทศก็ได้มีการจัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 ส.ค. 2554 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นการรวมผลผลิตเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดภายในประเทศ พร้อมทั้งได้มีการส่งเสริมร้านที่เป็น organic shop โมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เกต ให้มีมุมที่เป็น organic เป็นต้น
สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ในแต่ละปี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทุกระดับอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าปีละ 6,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นปีละ 10% คาดว่าภายใน 5 ปี จากนี้รายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์น่าจะไม่ต่ำกว่าปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท โดยมีตลาดในประเทศเป็นตลาดหลัก