นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาสแรกของปี 2554 โดยมีกำไรสุทธิ 6,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 15.3% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 551 ล้านบาท หรือ 9.1% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าของธนาคารในด้าน การขยายสินเชื่อ การขยายเงินฝาก และการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากพลวัติการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและระบบโดยรวม นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งในด้านสภาพคล่องและเงินกองทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยเงินให้สินเชื่อของธนาคารมีการขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน โดยเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2554 มีจำนวน 1,305,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,184 ล้านบาท หรือ 3.9% เมื่อเทียบกับสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2553 หรือเพิ่มขึ้น 159.8 ล้านบาท หรือ 13.9% จาก ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2553 จากการที่ภาคธุรกิจยังคงมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ด้านเงินฝากได้เพิ่มขึ้นจำนวน 51,825 ล้านบาท หรือ 3.7% จากสิ้นปี 2553 ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เงินฝากของธนาคารมีจำนวน 1,446,213 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ในระดับ 90.3% ใกล้เคียงกับ 90.1% ณ สิ้นปี 2553
อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดสินเชื่อยังคงมีอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมากจากการที่เงินฝากดอกเบี้ยต่ำเริ่มทยอยครบกำหนด และจากการที่สถาบันการเงินมีการแข่งขันระดมเงินฝาก ส่วนหนึ่งเพื่อบริหารสภาพคล่อง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายสินเชื่อในอนาคต ดังนั้น ธนาคารจึงมีแรงกดดันที่สูงขึ้นด้านราคาทั้งในด้านการให้สินเชื่อและแหล่งเงินทุน ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ของธนาคารปรับตัวลดลงจาก 2.62% ในไตรมาส 1 ปี 2553 เป็น 2.55% ในไตรมาสนี้
และณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ 43,387 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของเงินให้สินเชื่อรวม เทียบกับ 3% ณ สิ้นปี 2553
**กสิกรฯปลื้มกำไรพุ่ง49.9%**
นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานก่อนสอบทานไตรมาสแรก ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 6,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 15.75% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 48.90%
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานก่อนการสอบทานสำหรับไตรมาสแรก ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 12,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 470 ล้านบาท หรือ 3.77% และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2,053 ล้านบาท หรือ 18.85% โดยในไตรมาสนี้มีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin :NIM) อยู่ที่ระดับ 3.46 % รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 793 ล้านบาท หรือ 10.56% และเพิ่มขึ้น 1,706 ล้านบาท หรือ 25.87% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 48.39% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เครือธนาคารกสิกรไทยมีสินทรัพย์รวม 1,677,862 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปี 2553 มีจำนวน 1,551,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126,334 ล้านบาท หรือ 8.14% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน ซึ่งเป็นการบริหารสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่สินเชื่อมีจำนวน 1,083,094 ล้านบาท โดยมีเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) อยู่ที่ระดับ 2.73% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.91%
โดยเงินให้สินเชื่อของธนาคารมีการขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน โดยเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2554 มีจำนวน 1,305,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,184 ล้านบาท หรือ 3.9% เมื่อเทียบกับสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2553 หรือเพิ่มขึ้น 159.8 ล้านบาท หรือ 13.9% จาก ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2553 จากการที่ภาคธุรกิจยังคงมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ด้านเงินฝากได้เพิ่มขึ้นจำนวน 51,825 ล้านบาท หรือ 3.7% จากสิ้นปี 2553 ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เงินฝากของธนาคารมีจำนวน 1,446,213 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ในระดับ 90.3% ใกล้เคียงกับ 90.1% ณ สิ้นปี 2553
อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดสินเชื่อยังคงมีอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมากจากการที่เงินฝากดอกเบี้ยต่ำเริ่มทยอยครบกำหนด และจากการที่สถาบันการเงินมีการแข่งขันระดมเงินฝาก ส่วนหนึ่งเพื่อบริหารสภาพคล่อง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายสินเชื่อในอนาคต ดังนั้น ธนาคารจึงมีแรงกดดันที่สูงขึ้นด้านราคาทั้งในด้านการให้สินเชื่อและแหล่งเงินทุน ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ของธนาคารปรับตัวลดลงจาก 2.62% ในไตรมาส 1 ปี 2553 เป็น 2.55% ในไตรมาสนี้
และณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ 43,387 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของเงินให้สินเชื่อรวม เทียบกับ 3% ณ สิ้นปี 2553
**กสิกรฯปลื้มกำไรพุ่ง49.9%**
นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานก่อนสอบทานไตรมาสแรก ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 6,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 15.75% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 48.90%
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานก่อนการสอบทานสำหรับไตรมาสแรก ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 12,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 470 ล้านบาท หรือ 3.77% และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2,053 ล้านบาท หรือ 18.85% โดยในไตรมาสนี้มีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin :NIM) อยู่ที่ระดับ 3.46 % รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 793 ล้านบาท หรือ 10.56% และเพิ่มขึ้น 1,706 ล้านบาท หรือ 25.87% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 48.39% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เครือธนาคารกสิกรไทยมีสินทรัพย์รวม 1,677,862 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปี 2553 มีจำนวน 1,551,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126,334 ล้านบาท หรือ 8.14% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน ซึ่งเป็นการบริหารสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่สินเชื่อมีจำนวน 1,083,094 ล้านบาท โดยมีเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) อยู่ที่ระดับ 2.73% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.91%