ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.เผยไม่ห่วงหนี้เสียเพิ่มจากปัญหาน้ำท่วมและดินถล่มในภาคใต้จนกระทบฐานะแบงก์ เหตุสินเชื่อขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยไม่มาก แบงก์กันสำรองค่อนข้างสูง มั่นใจแบงก์รัฐสามารถช่วยรายย่อยเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันแบงก์พาณิชย์ปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจในภาคใต้เพิ่ม 5.78 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 14.77%
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ภาคใต้ธปท.ไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ต่อลูกหนี้สถาบันการเงินแม้สถานการณ์ดังกล่าวอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้จนส่งผลให้ยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นบ้าง ก็จะไม่กระทบต่อฐานะของสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ในระบบมีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ให้วงเงินค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยมากนัก ประกอบกับแบงก์แต่ละแห่งมีการกันสำรองไว้ค่อนข้างสูง ขณะที่สินเชื่อรายย่อยที่ให้แก่ประชาชนทั่วไป เกษตรกรในพื้นที่ก็มีสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐให้ความช่วยเหลือเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้วลูกหนี้เกิดมีปัญหาจริงๆ ธปท.ก็พร้อมจะเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดในการผ่อนชำระขั้นต่ำ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนผันตามกำลังของลูกหนี้ ถือเป็นการผ่อนผันกฎเกณฑ์เป็นกรณีพิเศษและเป็นแนวทางดำเนินการมาตั้งแต่ปี 53ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เคยเกิดปัญหาภัยธรรมชาติในลักษณะเดียวกัน
"ถ้าปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ชำระหนี้ตามที่ตกลงกันระหว่างแบงก์กับลูกหนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเอ็นพีแอล ซึ่งแบงก์ทำได้ และหากนอกเหนือจากนี้แบงก์ต้องการช่วยลูกหนี้ในบางเรื่องเพิ่มเติมหรือเกิดติดขัดเรื่องหลักเกณฑ์อะไรก็สามารถขอมายังธปท.ได้ ฉะนั้นมองว่าปัญหาหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักจากเหตุการณ์ในครั้งนี้"ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าว
รายงานข่าวจากธปท.แจ้งว่า ธปท.ได้ประกาศเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ล่าสุดเดือนก.พ.ของปีนี้ พบว่า เงินฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 5.80 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 5.73 หมื่นล้านบาท ในสัดส่วน 12.72% ขณะที่เงินให้สินเชื่อมีจำนวนทั้งสิ้น 4.49 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 5.78 หมื่นล้านบาท ในปริมาณใกล้เคียงเงินฝาก หรือเพิ่มขึ้น 14.77%ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากในเดือนก.พ.อยู่ที่ 88.45%
ทั้งนี้ สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์แยกตามวัตถุประสงค์ในพื้นที่ภาคใต้ล่าสุดในไตรมาส 4 ของปี 53 พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีการอนุมัติสินเชื่อที่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมากที่สุด 18.72% หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 7.31 พันล้านบาท รองลงมาเป็นการบริหารราชการและการป้องกันประเทศ รวมถึงการประกันสังคมภาคบังคับ 17.93% ตามมาด้วยการก่อสร้าง 4.34% และการบริโภคส่วนบุคคล 4.18% หรือเพิ่มขึ้น 7.51 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจตัวกลางทางการเงินมีสัดส่วนสินเชื่อลดลงมากที่สุด 18.10% หรือลดลง 1.63 พันล้านบาท
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ภาคใต้ธปท.ไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ต่อลูกหนี้สถาบันการเงินแม้สถานการณ์ดังกล่าวอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้จนส่งผลให้ยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นบ้าง ก็จะไม่กระทบต่อฐานะของสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ในระบบมีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ให้วงเงินค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยมากนัก ประกอบกับแบงก์แต่ละแห่งมีการกันสำรองไว้ค่อนข้างสูง ขณะที่สินเชื่อรายย่อยที่ให้แก่ประชาชนทั่วไป เกษตรกรในพื้นที่ก็มีสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐให้ความช่วยเหลือเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้วลูกหนี้เกิดมีปัญหาจริงๆ ธปท.ก็พร้อมจะเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดในการผ่อนชำระขั้นต่ำ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนผันตามกำลังของลูกหนี้ ถือเป็นการผ่อนผันกฎเกณฑ์เป็นกรณีพิเศษและเป็นแนวทางดำเนินการมาตั้งแต่ปี 53ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เคยเกิดปัญหาภัยธรรมชาติในลักษณะเดียวกัน
"ถ้าปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ชำระหนี้ตามที่ตกลงกันระหว่างแบงก์กับลูกหนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเอ็นพีแอล ซึ่งแบงก์ทำได้ และหากนอกเหนือจากนี้แบงก์ต้องการช่วยลูกหนี้ในบางเรื่องเพิ่มเติมหรือเกิดติดขัดเรื่องหลักเกณฑ์อะไรก็สามารถขอมายังธปท.ได้ ฉะนั้นมองว่าปัญหาหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักจากเหตุการณ์ในครั้งนี้"ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าว
รายงานข่าวจากธปท.แจ้งว่า ธปท.ได้ประกาศเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ล่าสุดเดือนก.พ.ของปีนี้ พบว่า เงินฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 5.80 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 5.73 หมื่นล้านบาท ในสัดส่วน 12.72% ขณะที่เงินให้สินเชื่อมีจำนวนทั้งสิ้น 4.49 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 5.78 หมื่นล้านบาท ในปริมาณใกล้เคียงเงินฝาก หรือเพิ่มขึ้น 14.77%ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากในเดือนก.พ.อยู่ที่ 88.45%
ทั้งนี้ สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์แยกตามวัตถุประสงค์ในพื้นที่ภาคใต้ล่าสุดในไตรมาส 4 ของปี 53 พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีการอนุมัติสินเชื่อที่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมากที่สุด 18.72% หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 7.31 พันล้านบาท รองลงมาเป็นการบริหารราชการและการป้องกันประเทศ รวมถึงการประกันสังคมภาคบังคับ 17.93% ตามมาด้วยการก่อสร้าง 4.34% และการบริโภคส่วนบุคคล 4.18% หรือเพิ่มขึ้น 7.51 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจตัวกลางทางการเงินมีสัดส่วนสินเชื่อลดลงมากที่สุด 18.10% หรือลดลง 1.63 พันล้านบาท
