xs
xsm
sm
md
lg

พรรคการเมืองใหม่ เพื่อการเลือกตั้งหรือเพื่อการปฎิรูปสังคมไทย?(จบ)

เผยแพร่:   โดย: ประพันธ์ คูณมี

การต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ ภายใต้การนำของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงได้พัฒนา และยกระดับไปสู่การต่อสู้เรียกร้อง เพื่อให้มีการปฎิรูปเปลี่ยนแปลงการเมือง และระบอบการเมืองทั้งระบบ หากรัฐบาลจะหนีปัญหา และปฏิเสธข้อเรียกร้องของประชาชน แก้เกมการเมืองด้วยการยุบสภา ประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงพี่น้องพันธมิตรฯ จึงมีฉันทามติที่จะใช้การ Vote No คือ ไม่ลงคะแนนเลือกใคร ไม่ว่าพรรคการเมืองใด หรือบุคคลใด

ในการเลือกตั้งถ้าหากจะมีขึ้น จุดยืนของประชาชนดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิของตนเอง โดยชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อการบอยคอต หรือตอบโต้ และทำลายความชอบธรรมของระบอบการเมือง และการเลือกตั้งที่ล้มเหลว ไม่สามารถเป็นความหวังหรืออนาคตของบ้านเมืองได้ และไม่ใช่คำตอบที่จะคลี่คลายวิกฤตของสังคม แน่นอนที่สุดจุดยืนนี้ ย่อมทำให้พรรคการเมือง นักการเมืองประเภทนักเลือกตั้ง หรือนักการเมืองระบอบเก่าที่ล้าหลัง หวาดวิตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอาศัยฐานสนับสนุนจากประชาชนชนชั้นกลางเป็นหลัก หากมีการ Vote No มากเพียงใด ก็จะเป็นพลังกดดันให้การเมืองของประเทศหันมาใส่ใจต่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มิฉะนั้นเขาก็จะถูกปฏิเสธจากประชาชน แม้ชนะการเลือกตั้งก็ไม่สามารถปกครองประเทศ หรือได้รับการยอมรับจากประชาชน

ความรู้สึกของประชาชน และกระแสสังคมในขณะนี้ เสียงปฏิเสธการเมืองการเลือกตั้งระบอบเก่าที่เป็นอยู่ได้กลายเป็นกระแสหลักในสังคม แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะพยายามโฆษณาโน้มน้าวให้ประชาชนไปเล่นในเกมของนักการเมือง นักเลือกตั้ง โดยชี้ชวนให้คนยอมรับและเห็นผลดีของระบอบการเมืองที่เป็นอยู่เพียงใดก็ตาม ก็หาได้รับการสนองรับจากประชาชนแต่อย่างใดไม่ ประชาชนต่างสิ้นหวัง และมองไม่เห็นอนาคตของบ้านเมืองในขณะนี้แต่อย่างใด หากปล่อยให้อำนาจการปกครองตกอยู่ในกำมือของนักการเมืองหน้าเดิมๆ คนเดิมๆ พรรคเดิมๆ ที่ประชาชนได้เห็นธาตุแท้มาแล้วอย่างล่อนจ้อน แม้จะมีพรรคการเมืองใหม่ และพรรคที่กำลังจัดตั้งขึ้นมาใหม่ โดยผลัดหน้าทาแป้งเสนอตัวกับประชาชน อวดอ้างและอวดตัวว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนก็ตาม เมื่อพิจารณาดูตัวบุคคลที่ประกอบกันเป็นพรรคการเมือง ดูแนวคิดนโยบาย หรือประวัติการทำงาน ภูมิหลังของแต่ละคนแล้ว ก็หาได้เป็นความหวังและอนาคตให้กับบ้านเมืองแต่อย่างใดไม่

ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมือง และการเลือกตั้ง คำตอบของคนมากกว่า 60% จึงปฏิเสธการเลือกตั้ง และตอบว่า จะไม่เลือกพรรคใดเลย ส่วนความนิยมต่อรัฐบาลปัจจุบัน เรียกได้ว่า 66% เบื่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ด้วยเหตุที่บริหารบ้านเมืองล้มเหลวทุกด้าน ไม่มีผลงานเด่นในเรื่องใดที่ประชาชนประทับใจ ภาพรวมของสถานการณ์บ้านเมืองดังกล่าว สะท้อนความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อระบอบการเมือง, พรรคการเมือง และนักการเมืองในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง

ความหวัง และความเรียกร้องต้องการของประชาชน คือ ต้องการระบอบการเมืองที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อยากเห็นรัฐบาลที่ดี ที่ประกอบด้วยบุคคลผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีจุดยืน และวิสัยทัศน์กว้างไกล เข้าใจโลก เข้าใจสังคม มีวิธีคิดและวิธีการทำงานที่สามารถแก้ไขปัญหา อันเป็นวิกฤตของบ้านเมือง และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำงานแก้ไขปัญหาที่เป็นผลประโยชน์ และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับประชาชนอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ที่สำคัญเหนืออื่นใด ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญ กล้ารับผิดชอบ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รักประเทศชาติ และรักประชาชน

แน่นอนที่สุด การเมืองเก่าที่เป็นอยู่ ย่อมไม่อาจเป็นทางเลือกและคำตอบแก่ประชาชนได้ เพราะระบอบการเมืองปัจจุบัน เป็นระบอบที่ใช้เงินเป็นอำนาจ ใช้กลโกงและการซื้อเสียงเป็นยุทธวิธีให้ได้ชัยชนะเพื่อเข้าสู่อำนาจ และใช้อำนาจไปแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพรรคการเมืองหมุนเวียนซ้ำซากเป็นวงจรอุบาทว์ที่นักการเมืองด้วยกันเองไม่มีวันที่จะยอมแก้ไขปัญหานี้ มีเพียงต้องอาศัยพลังของมวลมหาประชาชนที่ไม่ยอมรับระบอบการเมืองอันล้มเหลวนี้เท่านั้น จะเป็นผู้ลุกขึ้นมาแก้ไขและเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การเมืองระบอบประชาธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง

พรรคการเมืองใหม่ จึงต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายว่า จะเป็นพรรคการเมืองเพื่อการเลือกตั้งในระบอบเก่า หรือจะเป็นเครื่องมือของประชาชนที่ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ต่อสู้เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงสังคมไทยที่เน่าเฟะและล้าหลัง ก้าวเดินไปกับประชาชนเพื่อหนีให้พ้นจากการเมืองที่ล้มเหลว หรือต้องการเป็นพรรคการเมืองตัวประกอบของการเมืองเก่าที่ล้าหลังเพื่อเป็นอะไหล่ และส่วนประกอบให้การเมืองเก่านำไปเป็นข้ออ้าง และเครื่องประดับแต่งหน้าเค้กให้กับนักการเมืองสามานย์

เมื่อประชาชนมีจุดยืน และข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองใหม่ เพื่อให้แสดงออกในทางการเมืองที่เป็นจุดยืนเดียวกันกับประชาชน จึงมีเหตุผลและคำถามว่า เหตุใดจึงโลเล และยังไร้คำตอบ ในเรื่องนี้ การเป็นพรรคการเมือง หากปราศจากพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชน ย่อมเป็นพรรคการเมืองที่ไร้พลัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคการเมืองที่โดดเดี่ยวตนเองจากประชาชน หรือกระทั่งยืนอยู่ตรงข้ามกับประชาชน ย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จ หรือได้รับชัยชนะทางการเมือง เพราะพรรคการเมืองใหม่เกิดและเติบโตบนพื้นฐานการสนับสนุนของประชาชน

มีความคิดเห็นจากนักเลือกตั้ง และนักวิชาการบางคนที่อยากให้ยอมรับและจำนนต่อ “ระบอบเลือกตั้งนิยม” พยายามโน้มน้าวเสนอแนะว่า ทำไมไม่แปรเปลี่ยนการ Vote No ให้เปลี่ยนการรณรงค์สนับสนุนคนดีๆ บางคนเข้าสู่สภา ด้วยพวกเขาหวังว่าอย่างน้อยก็จะได้เป็นปากเสียงให้แก่ประชาชนเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีได้บ้าง ซึ่งก็เป็นความปราถนาดีประเภทหวังเห็นแก่ความฝันเล็กๆ น้อยๆ อันมิได้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอันหนักหน่วงร้ายแรงของสังคมไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความคิดความฝันแบบค่อยเป็นค่อยไปหาได้สอดคล้องกับสภาพปัญหาประเทศแต่อย่างใดไม่

พรรคการเมืองใหม่จำต้องแสดงความมีลักษณะพิเศษของพรรคการเมืองที่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น และต้องคิดและหนีจากกรอบพรรคการเมืองเก่าที่ล้าหลังและล้มเหลวทั้งหลาย เพื่อให้ประชาชนได้เห็นโดยประจักษ์ ที่สำคัญโครงสร้างของพรรค องค์ประกอบของบุคลากรต้องมีความหลากหลายและดีเด่นในด้านต่างๆ โดยมีจำนวนมากพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่ประชาชน มีวิธีคิดและกระบวนการทำงานที่ดี มีมวลชนและสมาชิกที่เข้มแข็งเอาการเอางานเข้าร่วมอย่างคึกคักเข้มแข็ง มีผู้นำพรรคเป็นที่ยอมรับของประชาชน

นี่คือปัญหาพื้นฐานสำคัญเป็นการบ้านข้อใหญ่ หากก้าวข้ามปัญหานี้ไม่ได้ แก้ปัญหาตนเองไม่ตก ย่อมเป็นได้เพียงพรรคเพื่อการเลือกตั้ง เป็นตัวประกอบและหางเครื่องของระบอบการเมืองเก่า หาใช่พรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศและสังคมไทย ตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งพรรคการเมืองที่พันธมิตรฯ เรียกร้องต้องการแต่อย่างใดไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น