“Old soldiers never die; they just fade away.”
“ทหารแท้ไม่มีวันตาย เขาเพียงแต่หายหน้าไป”
Douglas Macarthur, (January 26, 1880 - April 5, 1964)
ขุนพลแปซิฟิก นายพลห้าดาวกองทัพบกอเมริกัน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพันธมิตร จอมพลแห่งกองทัพฟิลิปปินส์ ผู้ยึดครองและบิดาแห่งรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมยังเขียนเรื่องทหารไม่จบ เพราะยังฝังใจอยู่กับความเป็นทหาร มิไยจะมีผู้ที่สวมเครื่องแบบเข้าใจผิดว่า ผมเกลียดทหาร จึงก่นด่าเสียรุนแรง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
ผมขอปฏิเสธว่าไม่เคยเกลียดทหารเลย ไม่ว่าจะเป็นทหารดีหรือทหารเลว และไม่เคยสักแต่ว่าคะนองมือด่าทหาร คนไทยแยกไม่ออกว่า การวิจารณ์กับการด่านั้นไม่เหมือนกัน ผมมอบหนังสือที่เขียนให้อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง พร้อมกับข้อคิดที่อยากให้ท่านคำนึง ท่านก็เอาไปปรารภในที่ประชุมเสียอีกว่า ทั้งๆ ที่รักกัน ผมยังด่าท่านได้ ดูเอาเถิดความเป็นไทย
ผมเข้าใจและตอกย้ำกับบรรดาทหารเสมอว่า ทหารเป็นหลักประกันและปราการด่านสุดท้ายในการพิทักษ์สิทธิเสรีภาพไม่ว่าในบ้านเมืองใด และราชบัลลังก์ในกรณีของเมืองไทย ถ้าทหารไม่ทำหน้าที่หรือทำแบบขอไปที ราชบัลลังก์ก็อยู่ไม่ได้ นี่คือสัจธรรม
แต่ทหารที่จะปกป้องเสรีภาพและค้ำบัลลังก์นั้น ต้องเป็นทหารแท้ มิใช่ทหารแต่เปลือกหรือเครื่องแบบ
ทหารแท้เป็นอย่างไร ตัวอย่างที่ผมยกมาอ้าง ก็คือนายพลแมกอาเธอร์ ขุนพลอเมริกันผู้เกรียงไกร ที่ถูกประธานาธิบดีทรูแมนปลด (ถ้าเป็นแบบไทยก็เรียกว่า) กลางอากาศ ทั้งๆ ที่แมกอาเธอร์เป็นขุนพลผู้พิชิตญี่ปุ่นในภาคพื้นแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่ 2 กลิ่นไอของชัยชนะยังหอมกรุ่น เป็นวีรบุรุษแห่งชาติที่ชาวอเมริกันรอคอยยิ่งกว่านายพลไอเซนฮาวร์ผู้สยบยุโรปของฮิตเลอร์อย่างราบคาบเสียอีก
ประวัติและสถิติการรบของแมกอาเธอร์นั้นไร้เทียมทานจริงๆ
วลีทองข้างต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์อำลา ที่นายพลแมกอาเธอร์กล่าวต่อหน้าสภาคองเกรสของอเมริกา ถ้าหากเขาไม่ถูกปลด ก็คงจะไม่มีวลีดังกล่าว
บางคนก็วิจารณ์ว่าท่านขุนพลคงน้อยใจ แต่คำว่าน้อยใจนอกจากไม่มีในพจนานุกรมของฝรั่งแล้ว ยังไม่มีในพจนานุกรมของทหารแท้
ผมใช้คำว่าทหารแท้ แทนที่จะใช้คำว่าทหารแก่ เพราะคำว่า old นั้นหาได้แปลว่าแก่อย่างเดียวไม่ คำว่า fade away ก็ไม่จำเป็นต้องแปลว่าเลือนหายหรือสาปสูญไป เขาเพียงแต่หายหน้าไปเท่านั้น
เพราะทหารแท้นั้น ย่อมไม่มีวันตายจริงๆ ไม่ว่าจะป็นนายพลแมกอาเธอร์ หรือนายพล Patton ซึ่งยังเป็นอมตะนิรันดร์กาลอยู่ทั้งคู่ มิไยคนหนึ่งจะถูกข้ามหัวและอีกคนหนึ่งจะถูกปลดก็ตาม นายพลเดอโกลของฝรั่งเศสก็ทำนองเดียวกัน แต่เดอโกลก็มีหมายเหตุจากบางคนว่า เป็นทหารที่ดี (แท้) แต่เป็นนักการเมืองไม่ได้ความ
สำหรับของไทยนั้น ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นใคร ท่านผู้ใดทราบก็ช่วยบอกเอาบุญด้วย
หันกลับมาถึงสุนทรพจน์ วลีดังกล่าวที่ต่อๆ มาใครๆ ก็ยกให้เป็นของแมกอาเธอร์นั้น ความจริงเป็นของเก่าแก่หลายร้อยปีมาแล้ว เป็นลำนำหรือ ballad หรือ parody คือเพลงเก่าที่ร้องในโบสถ์อังกฤษ ที่มีข้อความสำคัญตอนหนึ่งว่า Kind Words Can Never Die คำไพเราะไม่มีวันตาย มีคนเก็บเอาไปเน้นในนวนิยายบ้าง พวกทหารหนุ่มๆ เก็บเอาไปท่องข้างๆ เคียงๆ กันไป ว่าทหารแท้ไม่มีวันตาย they always fade away บ้างหรือ they simply fade away บ้าง หรือไม่ก็ they only fade away บ้างจนกระทั่งติดปากนักเรียนนายร้อยเวสปอยต์ในยุคที่แมกอาเธอร์เข้าเรียนในปี ค.ศ. 1903
สำหรับสุนทรพจน์ของแมกอาเธอร์ ต่อหน้าสภาคองเกรสร่วม (2 สภา) ในวันที่ 19 เมษายน 1951 นั้นถูกจัดลำดับว่า เป็นยอดสุนทรพจน์ที่จับใจ ได้รับการปรบมือให้นับครั้งไม่ถ้วน และบรรดาวุฒิสมาชิกและส.ส.ยืนขึ้นสรรเสริญ standing ovation กว่า 50 ครั้ง
โปรดฟังความในตอนจบว่าดังนี้
“I am closing my 52 years of military service. When I joined the Army, even before the turn of the century, it was the fulfillment of all of my boyish hopes and dreams. The world has turned over many times since I took the oath on the plain at West Point, and the hopes and dreams have long since vanished, but I still remember the refrain of one of the most popular barrack ballads of that day which proclaimed most proudly that "old soldiers never die; they just fade away.”
ข้าพเจ้ากำลังจะปิดฉาก 52 ปีชีวิตในกองทัพของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทหารมาก่อนขึ้นศตวรรษใหม่เสียอีก มันเป็นการเติมเต็มความหวังและความฝันของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นับตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เปล่งคำสาบานในโรงเรียนนายร้อยเวสปอยต์ โลกได้หมุนกลับไปมาหลายตลบ ทั้งความหวังและความฝันนั้น ได้ละลายหายไปหมดสิ้นแล้ว แต่ข้าพเจ้ายังจำบทหนึ่งของลำนำยอดนิยมในกองพันของพวกเราในวันนั้น วันซึ่งพวกเรากู่ตะโกนด้วยความภาคภูมิใจว่า “ทหารแท้ไม่มีวันตาย เขาเพียงแต่หายหน้าไปเท่านั้น”
ทหารแท้คืออย่างไร อ่านได้จากชีวประวัติและการรบอันลือลั่นของแมกอาเธอร์ เกิดในค่ายทหาร บิดาเป็นนายพลจัตวา ผ่านสมรภูมิถึง 3 ทวีป ทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ได้เหรียญกล้าหาญมากที่สุด เป็นนายพลหนุ่มที่สุดของประเทศ เป็นหนึ่งในห้าของนายพลห้าดาวอายุยังไม่ถึงห้าสิบ เป็นผู้บัญชาการที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเวสปอยต์ ลาออกไปเป็นจอมพลของกองทัพฟิลิปปินส์
ถูกร้องขอให้กลับเข้ากองทัพ ปลดแอกฟิลิปปินส์และหมู่เกาะแปซิฟิก นำแม่ทัพนายกองลุยน้ำขึ้นเกาะบาตาอันและพิชิตยุทธการเลย์เต้ที่เลื่องลือ พร้อมทั้งพิสูจน์สัจจะว่า “I shall return ข้าพเจ้าจะกลับมา” สุดท้ายเป็นผู้ยึดครองญี่ปุ่น ปูทางให้ญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตยและยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจ ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญมิให้ญี่ปุ่นมีกองทัพ
เมื่อกองทัพจีนตลุยเข้ามาช่วยคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ แมกอาเธอร์เสนอให้ใช้ระเบิดปรมาณูถล่มแนวแม่น้ำยาลู เพื่อปิดกั้นทำลายกองทัพแดง จึงเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีทรูแมนสั่งปลดทหารแท้ผู้กำลังเป็นวีรบุรุษขวัญใจชาวอเมริกันยืดอก ไม่มีอุทธรณ์ฎีกา
เพลโต้ ปรมาจารย์ทฤษฎีประชาธิปไตยตะวันตก บรรยายว่าทหารแท้ เป็นชนชั้นผู้พิทักษ์แห่งชาติ (Guardian Class) มีลักษณะแกล้วกล้าสามารถ (Courage of Characters and Brave), มีมัชฌิมาปฏิปทา (moderation) แต่มิใช่และมิใช้คำว่าเป็นกลางเด็ดขาด, มีวินัยและปราศจากความทะเยอทยาน (disciplined and no ambition) หาไม่แล้วจะปฏิบัติภารกิจผู้พิทักษ์มิได้
พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพ 4 ตะโกนถามหลายครั้งว่า คุณทหารที่รัก..คุณไปอยู่เสียที่ไหน
ทหารแท้ที่ไม่มีวันตาย เขาอยู่ในหัวใจและความทรงจำของประชาชนชั่วนิรันดร์
“ทหารแท้ไม่มีวันตาย เขาเพียงแต่หายหน้าไป”
Douglas Macarthur, (January 26, 1880 - April 5, 1964)
ขุนพลแปซิฟิก นายพลห้าดาวกองทัพบกอเมริกัน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพันธมิตร จอมพลแห่งกองทัพฟิลิปปินส์ ผู้ยึดครองและบิดาแห่งรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมยังเขียนเรื่องทหารไม่จบ เพราะยังฝังใจอยู่กับความเป็นทหาร มิไยจะมีผู้ที่สวมเครื่องแบบเข้าใจผิดว่า ผมเกลียดทหาร จึงก่นด่าเสียรุนแรง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
ผมขอปฏิเสธว่าไม่เคยเกลียดทหารเลย ไม่ว่าจะเป็นทหารดีหรือทหารเลว และไม่เคยสักแต่ว่าคะนองมือด่าทหาร คนไทยแยกไม่ออกว่า การวิจารณ์กับการด่านั้นไม่เหมือนกัน ผมมอบหนังสือที่เขียนให้อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง พร้อมกับข้อคิดที่อยากให้ท่านคำนึง ท่านก็เอาไปปรารภในที่ประชุมเสียอีกว่า ทั้งๆ ที่รักกัน ผมยังด่าท่านได้ ดูเอาเถิดความเป็นไทย
ผมเข้าใจและตอกย้ำกับบรรดาทหารเสมอว่า ทหารเป็นหลักประกันและปราการด่านสุดท้ายในการพิทักษ์สิทธิเสรีภาพไม่ว่าในบ้านเมืองใด และราชบัลลังก์ในกรณีของเมืองไทย ถ้าทหารไม่ทำหน้าที่หรือทำแบบขอไปที ราชบัลลังก์ก็อยู่ไม่ได้ นี่คือสัจธรรม
แต่ทหารที่จะปกป้องเสรีภาพและค้ำบัลลังก์นั้น ต้องเป็นทหารแท้ มิใช่ทหารแต่เปลือกหรือเครื่องแบบ
ทหารแท้เป็นอย่างไร ตัวอย่างที่ผมยกมาอ้าง ก็คือนายพลแมกอาเธอร์ ขุนพลอเมริกันผู้เกรียงไกร ที่ถูกประธานาธิบดีทรูแมนปลด (ถ้าเป็นแบบไทยก็เรียกว่า) กลางอากาศ ทั้งๆ ที่แมกอาเธอร์เป็นขุนพลผู้พิชิตญี่ปุ่นในภาคพื้นแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่ 2 กลิ่นไอของชัยชนะยังหอมกรุ่น เป็นวีรบุรุษแห่งชาติที่ชาวอเมริกันรอคอยยิ่งกว่านายพลไอเซนฮาวร์ผู้สยบยุโรปของฮิตเลอร์อย่างราบคาบเสียอีก
ประวัติและสถิติการรบของแมกอาเธอร์นั้นไร้เทียมทานจริงๆ
วลีทองข้างต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์อำลา ที่นายพลแมกอาเธอร์กล่าวต่อหน้าสภาคองเกรสของอเมริกา ถ้าหากเขาไม่ถูกปลด ก็คงจะไม่มีวลีดังกล่าว
บางคนก็วิจารณ์ว่าท่านขุนพลคงน้อยใจ แต่คำว่าน้อยใจนอกจากไม่มีในพจนานุกรมของฝรั่งแล้ว ยังไม่มีในพจนานุกรมของทหารแท้
ผมใช้คำว่าทหารแท้ แทนที่จะใช้คำว่าทหารแก่ เพราะคำว่า old นั้นหาได้แปลว่าแก่อย่างเดียวไม่ คำว่า fade away ก็ไม่จำเป็นต้องแปลว่าเลือนหายหรือสาปสูญไป เขาเพียงแต่หายหน้าไปเท่านั้น
เพราะทหารแท้นั้น ย่อมไม่มีวันตายจริงๆ ไม่ว่าจะป็นนายพลแมกอาเธอร์ หรือนายพล Patton ซึ่งยังเป็นอมตะนิรันดร์กาลอยู่ทั้งคู่ มิไยคนหนึ่งจะถูกข้ามหัวและอีกคนหนึ่งจะถูกปลดก็ตาม นายพลเดอโกลของฝรั่งเศสก็ทำนองเดียวกัน แต่เดอโกลก็มีหมายเหตุจากบางคนว่า เป็นทหารที่ดี (แท้) แต่เป็นนักการเมืองไม่ได้ความ
สำหรับของไทยนั้น ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นใคร ท่านผู้ใดทราบก็ช่วยบอกเอาบุญด้วย
หันกลับมาถึงสุนทรพจน์ วลีดังกล่าวที่ต่อๆ มาใครๆ ก็ยกให้เป็นของแมกอาเธอร์นั้น ความจริงเป็นของเก่าแก่หลายร้อยปีมาแล้ว เป็นลำนำหรือ ballad หรือ parody คือเพลงเก่าที่ร้องในโบสถ์อังกฤษ ที่มีข้อความสำคัญตอนหนึ่งว่า Kind Words Can Never Die คำไพเราะไม่มีวันตาย มีคนเก็บเอาไปเน้นในนวนิยายบ้าง พวกทหารหนุ่มๆ เก็บเอาไปท่องข้างๆ เคียงๆ กันไป ว่าทหารแท้ไม่มีวันตาย they always fade away บ้างหรือ they simply fade away บ้าง หรือไม่ก็ they only fade away บ้างจนกระทั่งติดปากนักเรียนนายร้อยเวสปอยต์ในยุคที่แมกอาเธอร์เข้าเรียนในปี ค.ศ. 1903
สำหรับสุนทรพจน์ของแมกอาเธอร์ ต่อหน้าสภาคองเกรสร่วม (2 สภา) ในวันที่ 19 เมษายน 1951 นั้นถูกจัดลำดับว่า เป็นยอดสุนทรพจน์ที่จับใจ ได้รับการปรบมือให้นับครั้งไม่ถ้วน และบรรดาวุฒิสมาชิกและส.ส.ยืนขึ้นสรรเสริญ standing ovation กว่า 50 ครั้ง
โปรดฟังความในตอนจบว่าดังนี้
“I am closing my 52 years of military service. When I joined the Army, even before the turn of the century, it was the fulfillment of all of my boyish hopes and dreams. The world has turned over many times since I took the oath on the plain at West Point, and the hopes and dreams have long since vanished, but I still remember the refrain of one of the most popular barrack ballads of that day which proclaimed most proudly that "old soldiers never die; they just fade away.”
ข้าพเจ้ากำลังจะปิดฉาก 52 ปีชีวิตในกองทัพของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทหารมาก่อนขึ้นศตวรรษใหม่เสียอีก มันเป็นการเติมเต็มความหวังและความฝันของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นับตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เปล่งคำสาบานในโรงเรียนนายร้อยเวสปอยต์ โลกได้หมุนกลับไปมาหลายตลบ ทั้งความหวังและความฝันนั้น ได้ละลายหายไปหมดสิ้นแล้ว แต่ข้าพเจ้ายังจำบทหนึ่งของลำนำยอดนิยมในกองพันของพวกเราในวันนั้น วันซึ่งพวกเรากู่ตะโกนด้วยความภาคภูมิใจว่า “ทหารแท้ไม่มีวันตาย เขาเพียงแต่หายหน้าไปเท่านั้น”
ทหารแท้คืออย่างไร อ่านได้จากชีวประวัติและการรบอันลือลั่นของแมกอาเธอร์ เกิดในค่ายทหาร บิดาเป็นนายพลจัตวา ผ่านสมรภูมิถึง 3 ทวีป ทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ได้เหรียญกล้าหาญมากที่สุด เป็นนายพลหนุ่มที่สุดของประเทศ เป็นหนึ่งในห้าของนายพลห้าดาวอายุยังไม่ถึงห้าสิบ เป็นผู้บัญชาการที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเวสปอยต์ ลาออกไปเป็นจอมพลของกองทัพฟิลิปปินส์
ถูกร้องขอให้กลับเข้ากองทัพ ปลดแอกฟิลิปปินส์และหมู่เกาะแปซิฟิก นำแม่ทัพนายกองลุยน้ำขึ้นเกาะบาตาอันและพิชิตยุทธการเลย์เต้ที่เลื่องลือ พร้อมทั้งพิสูจน์สัจจะว่า “I shall return ข้าพเจ้าจะกลับมา” สุดท้ายเป็นผู้ยึดครองญี่ปุ่น ปูทางให้ญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตยและยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจ ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญมิให้ญี่ปุ่นมีกองทัพ
เมื่อกองทัพจีนตลุยเข้ามาช่วยคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ แมกอาเธอร์เสนอให้ใช้ระเบิดปรมาณูถล่มแนวแม่น้ำยาลู เพื่อปิดกั้นทำลายกองทัพแดง จึงเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีทรูแมนสั่งปลดทหารแท้ผู้กำลังเป็นวีรบุรุษขวัญใจชาวอเมริกันยืดอก ไม่มีอุทธรณ์ฎีกา
เพลโต้ ปรมาจารย์ทฤษฎีประชาธิปไตยตะวันตก บรรยายว่าทหารแท้ เป็นชนชั้นผู้พิทักษ์แห่งชาติ (Guardian Class) มีลักษณะแกล้วกล้าสามารถ (Courage of Characters and Brave), มีมัชฌิมาปฏิปทา (moderation) แต่มิใช่และมิใช้คำว่าเป็นกลางเด็ดขาด, มีวินัยและปราศจากความทะเยอทยาน (disciplined and no ambition) หาไม่แล้วจะปฏิบัติภารกิจผู้พิทักษ์มิได้
พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพ 4 ตะโกนถามหลายครั้งว่า คุณทหารที่รัก..คุณไปอยู่เสียที่ไหน
ทหารแท้ที่ไม่มีวันตาย เขาอยู่ในหัวใจและความทรงจำของประชาชนชั่วนิรันดร์