ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ประกอบการโรงแรม ยิ้มออก อัตราเข้าพักสูงสุดในรอบ 3 ปี เฉลี่ยทั้งประเทศแตะ 75-80% พัทยาฮอตสุดๆ เม.ย.นี้แตะ 90% แต่ยอมรับแนวโน้มการปรับขึ้นราคา ยังต่ำเฉลี่ยที่ 3-5% เซกเม้นท์ 4 ดาว และ บูติกปรับราคาได้ดีสุด เป็นเพราะในหลายโลเกชั่น ยังไม่ฟื้นตัวผู้ประกบอการจำยอมใช้กลยุทธ์แจกแถม ฉุดราคาต่ำลง ขณะที่แนวโน้มการปราบโรงแรมเถื่อนไม่คืบ
เตรียมส่งจดหมายถึง คลัง และมหาดไทย ซ้ำอีกรอบ
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์อัตราเข้าพักโรงแรม ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.พ.)ดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยมีอัตราพักเฉลี่ยรวมทั้งประเทศที่ 75-80% หรือมีภาพรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่หากแยกตามเดสติเนชั่น พบว่า ที่พัทยา มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80-85% ภูเก็ต 80-85% เชียงใหม่
70-75% กรุงเทพมหานคร 75-80% โดยอัตราเข้าพัก ยังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งมี.ค. และ เม.ย. โดยเฉพาะที่เมืองพัทยา คาด เม.ย.ปีนี้ อัตราเข้าพักจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 85-90% เพราะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ขณะที่เชียงใหม่ ช่วงเดือน เม.ย. มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 65-70% มากกว่าปีก่อนซึ่งมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 50% ทั้งนี้ในส่วนของ กทม. เฉพาะเดือนเม.ย. อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 45-50% ซึ่งดีกว่าปีก่อน ซึ่งมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 20% เพราะมีปัญหาการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตามปกติช่วงเดือน เม.ย. ของทุกปี อัตราเข้าพักของ โรงแรมในกทม. จะลดกว่าทุกเดือน ซึ่งเป้นปกติ
เพราะมีวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมปีนี้ จะดีขึ้นมากในรอบ 3 ปี แต่ ในด้านของราคาห้องพัก ผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ตามคาดหวัง หรือปรับได้เพียง 3-5% โดยเฉพาะที่พัทยา ราคาห้องพักยังต่ำ เฉลี่ยที่พันบาทเศษ ต่อคืน ซึ่งปกติธุรกิจโรงแรมจะปรับราคาห้องพักขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-8% ยกเว้น 3 ปีที่ผ่านมานอกจากไม่ได้ปรับขึ้นยังต้องทำโปรโมชั่นลด
ราคาหรือแถม
“ที่เราไม่สามารถปรับขึ้นราคา ได้มากเท่าสัดส่วนการเติบโต เพราะ ยังมีบางโลเกชั่น ที่อัตราเข้าพัก ยังไม่ฟื้นตัวนี้นัก ทำให้ เจ้าของโรงแรม ต้องใช้กลยุทธ์ แจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้า เป็นผลให้ตัวเลขปรับราคาในภาพรวมธุรกิจจึงยัไม่สูงมาก ส่วนโรงแรมที่สามารถปรับขึ้นราคาได้ คือเซกเม้นท์ 4 ดาว และ บูติกโฮเทล โลเกชั่นที่ปรับราคาได้ดี เช่น ราชประสงค์ และ
ภูเก็ตที่บางพื้นที่ ขณะที่คู่แข่งขันอ่าง สิงคโปร์ ปรับขึ้นราคาทั่กราว 10-15% ทำให้ ราคาที่พักในสิงคโปร์ ทิ้งห่างจากประเทศไทยมากขึ้น ”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าช่วง 1-2 เดือนนี้ การเดินทางท่องเที่ยว ระหว่าง ไทยกับญี่ปุ่น คงต้องหยุดชะงัก ชั่วคราว และรอจนกว่า รัฐบาลญี่ปุ่น จะออกประกาศความพร้อมและหยุดการรั่วไหลของสารกัมมันตรัวสีได้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ ตลาดใหม่ ที่สดใสแต่มีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ ตลาดสวิสเซอร์แลนด์ และตลาดออสเตรีย เพราะจากการเดินสายโรดโชว์ ร่วมกับ ททท. ที่เมือง
ซูลิกและเมือง เวียนนา มีเอเจนให้ความสนใจจำนวนมาก คาด 2 ตลาดปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 5-7% โดย สวิสเซอร์แลนด์ ปีก่อนมีนักท่องเที่ยวมาไทย 1.5แสนคน และ ออสเตรียมมี 8 หมื่นคน
นายประกิจ กล่าว ถึงความคืบหน้า การแก้ปัญหาโรงแรมเถื่อน ว่า ล่าสุด เตรียม ยื่นจดหมาย ถึงกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกวดขันปราบปรามโรงแรมที่พักที่ไม่มีใบอนุญาติประกอบธุรกิจโรงแรม โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง ให้กวดขัน เรื่อง ใบเสร็จ ที่ต้องมีหมายเลขทะเบียนการค้า ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย
ให้กวดขันด้านการปรับปรุงอาคารให้ถูกกฎ ตรงตามหลักธุรกิจโรงแรม เพื่อยื่นขอใบอนุญาติ หากโรงแรมใดไม่ทำ หรือไม่สามารถแก้ไขตัวอาคารให้ถูกต้องได้ก็ต้องจับกุมทันที
เตรียมส่งจดหมายถึง คลัง และมหาดไทย ซ้ำอีกรอบ
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์อัตราเข้าพักโรงแรม ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.พ.)ดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยมีอัตราพักเฉลี่ยรวมทั้งประเทศที่ 75-80% หรือมีภาพรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่หากแยกตามเดสติเนชั่น พบว่า ที่พัทยา มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80-85% ภูเก็ต 80-85% เชียงใหม่
70-75% กรุงเทพมหานคร 75-80% โดยอัตราเข้าพัก ยังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งมี.ค. และ เม.ย. โดยเฉพาะที่เมืองพัทยา คาด เม.ย.ปีนี้ อัตราเข้าพักจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 85-90% เพราะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ขณะที่เชียงใหม่ ช่วงเดือน เม.ย. มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 65-70% มากกว่าปีก่อนซึ่งมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 50% ทั้งนี้ในส่วนของ กทม. เฉพาะเดือนเม.ย. อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 45-50% ซึ่งดีกว่าปีก่อน ซึ่งมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 20% เพราะมีปัญหาการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตามปกติช่วงเดือน เม.ย. ของทุกปี อัตราเข้าพักของ โรงแรมในกทม. จะลดกว่าทุกเดือน ซึ่งเป้นปกติ
เพราะมีวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมปีนี้ จะดีขึ้นมากในรอบ 3 ปี แต่ ในด้านของราคาห้องพัก ผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ตามคาดหวัง หรือปรับได้เพียง 3-5% โดยเฉพาะที่พัทยา ราคาห้องพักยังต่ำ เฉลี่ยที่พันบาทเศษ ต่อคืน ซึ่งปกติธุรกิจโรงแรมจะปรับราคาห้องพักขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-8% ยกเว้น 3 ปีที่ผ่านมานอกจากไม่ได้ปรับขึ้นยังต้องทำโปรโมชั่นลด
ราคาหรือแถม
“ที่เราไม่สามารถปรับขึ้นราคา ได้มากเท่าสัดส่วนการเติบโต เพราะ ยังมีบางโลเกชั่น ที่อัตราเข้าพัก ยังไม่ฟื้นตัวนี้นัก ทำให้ เจ้าของโรงแรม ต้องใช้กลยุทธ์ แจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้า เป็นผลให้ตัวเลขปรับราคาในภาพรวมธุรกิจจึงยัไม่สูงมาก ส่วนโรงแรมที่สามารถปรับขึ้นราคาได้ คือเซกเม้นท์ 4 ดาว และ บูติกโฮเทล โลเกชั่นที่ปรับราคาได้ดี เช่น ราชประสงค์ และ
ภูเก็ตที่บางพื้นที่ ขณะที่คู่แข่งขันอ่าง สิงคโปร์ ปรับขึ้นราคาทั่กราว 10-15% ทำให้ ราคาที่พักในสิงคโปร์ ทิ้งห่างจากประเทศไทยมากขึ้น ”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าช่วง 1-2 เดือนนี้ การเดินทางท่องเที่ยว ระหว่าง ไทยกับญี่ปุ่น คงต้องหยุดชะงัก ชั่วคราว และรอจนกว่า รัฐบาลญี่ปุ่น จะออกประกาศความพร้อมและหยุดการรั่วไหลของสารกัมมันตรัวสีได้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ ตลาดใหม่ ที่สดใสแต่มีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ ตลาดสวิสเซอร์แลนด์ และตลาดออสเตรีย เพราะจากการเดินสายโรดโชว์ ร่วมกับ ททท. ที่เมือง
ซูลิกและเมือง เวียนนา มีเอเจนให้ความสนใจจำนวนมาก คาด 2 ตลาดปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 5-7% โดย สวิสเซอร์แลนด์ ปีก่อนมีนักท่องเที่ยวมาไทย 1.5แสนคน และ ออสเตรียมมี 8 หมื่นคน
นายประกิจ กล่าว ถึงความคืบหน้า การแก้ปัญหาโรงแรมเถื่อน ว่า ล่าสุด เตรียม ยื่นจดหมาย ถึงกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกวดขันปราบปรามโรงแรมที่พักที่ไม่มีใบอนุญาติประกอบธุรกิจโรงแรม โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง ให้กวดขัน เรื่อง ใบเสร็จ ที่ต้องมีหมายเลขทะเบียนการค้า ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย
ให้กวดขันด้านการปรับปรุงอาคารให้ถูกกฎ ตรงตามหลักธุรกิจโรงแรม เพื่อยื่นขอใบอนุญาติ หากโรงแรมใดไม่ทำ หรือไม่สามารถแก้ไขตัวอาคารให้ถูกต้องได้ก็ต้องจับกุมทันที