สมาคมโรงแรมเมืองพัทยา จี้รัฐช่วยแก้ปัญหานอมินีต่างชาติเหมาโรงแรมทำธุรกิจทัวร์ ดั๊มราคาถูกแข่งคนไทย หวั่นปัญหาลามมาเพียบ
นางสาวบุณฑริก กุศลวิทย์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ยังคงแข่งขันรุนแรง ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ การเข้ามาของกลุ่มทุนต่างชาติ โดยการตั้งบริษัทโดยใช้ชื่อคนไทยบังหน้า(นอมินี) เพื่อทำธุรกิจทัวร์นำเที่ยวและห้องพักโดยใช้วิธีเหมาห้องพักโรงแรมในเมืองพัทยา บ้างก็ซื้อกิจการทั้งโรงแรม ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม แล้วนำไปจัดทำ แพกเกจทัวร์ เสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยใช้กลยุทธ์เสนอขายแพกเกจทัวร์ราคาถูกตั้งแต่ประเทศต้นทาง
ทั้งนี้รูปแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วเดิมมีเพียงกลุ่มทัวร์จากประเทศรัสเซียที่ดำเนินธุรกิจรูปแบบนี้ แต่ปัจจุบันขยายไปตลาดนักท่องเที่ยวประเทศจีน และเกาหลี ทำให้หลายครั้งถูกร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ในเรื่องของการได้รับบริการที่ไม่ดีจากโรงแรมที่เป็นนอมินี รวมถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย สมาคมจึงเกรงว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาและประเทศไทยต้องเสียหาย
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถห้ามการทำธุรกิจในรูปแบบนี้ได้ ก็ต้องการให้เป็นการเช่าเหมาโรงแรมที่มีใบอนุญาติประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม ประเด็นนี้สมาคมมีความเป็นห่วงมากโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและขจัดปัญหาไม่ให้ลุกลามออกไปมากขึ้น
ล่าสุดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) และสมาคมโรงแรมไทย ตกลงร่วมกันแล้วว่าจะยึดหลักเกณฑ์ให้บริษัทนำเที่ยวที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายใช้บริการโรงแรมที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน
ปัจจุบันโรงแรมในพัทยาจำนวนกว่า 700 แห่ง ห้องพักรวมกว่า 50,000 ห้อง ซึ่งเท่าที่สมาคมตรวจสอบ พบว่า มีกรณีการเหมาโรงแรม รวมถึงการซื้อกิจการโรงแรมไปทำทัวร์ ประมาณ 2,000 ห้อง คิดเป็น 4% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด ทั้งนี้ไม่นับรวมกรณีการซื้อห้องชุดในคอนโดมิเนียมมาเป็นห้องพักให้แก่นักท่องเที่ยว
นางสาวบุณฑริก กล่าวอีกว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวเมืองพัทยาปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้น เฉลี่ยมีอัตราเข้าพักตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงขณะนี้อยู่ที่ 65-70% ของจำนวนห้องพักรวมทั้งหมด เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดที่เติบโตสูงได้แก่ รัสเซีย อินเดีย และจีน
ส่วนสถานการณ์ช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) จากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้สมาคมและผู้ประกอบการมีความกังวล จึงวางแผนจัดโครงการพัทยา แกรนด์ เซล ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ตั้งเป้าขยายขอบเขตโครงการจากเดิมที่ทำบัตรส่วนลดแจกให้กับคนไทยและต่างชาติที่ทำงานในไทย (เอ็กซ์แพ็ต) มาใช้บริการเข้าพักโรงแรม และใช้บริการแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารในพัทยา แต่ปีนี้จะขยายไปถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศด้วย และเพิ่มช่องทางจุดรับบัตรส่วนลดให้กับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นเพื่อให้การกระตุ้นยอดการเข้าพักช่วงโลว์ซีซั่นเห็นผลชัดเจนขึ้น ขณะที่ช่องทางจุดแจกบัตรใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมฐานสมาชิกใหม่ที่จะเข้ามาในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มยอดสมาชิกได้มากกว่าปีก่อน 50%
นางสาวบุณฑริก กุศลวิทย์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ยังคงแข่งขันรุนแรง ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ การเข้ามาของกลุ่มทุนต่างชาติ โดยการตั้งบริษัทโดยใช้ชื่อคนไทยบังหน้า(นอมินี) เพื่อทำธุรกิจทัวร์นำเที่ยวและห้องพักโดยใช้วิธีเหมาห้องพักโรงแรมในเมืองพัทยา บ้างก็ซื้อกิจการทั้งโรงแรม ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม แล้วนำไปจัดทำ แพกเกจทัวร์ เสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยใช้กลยุทธ์เสนอขายแพกเกจทัวร์ราคาถูกตั้งแต่ประเทศต้นทาง
ทั้งนี้รูปแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วเดิมมีเพียงกลุ่มทัวร์จากประเทศรัสเซียที่ดำเนินธุรกิจรูปแบบนี้ แต่ปัจจุบันขยายไปตลาดนักท่องเที่ยวประเทศจีน และเกาหลี ทำให้หลายครั้งถูกร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ในเรื่องของการได้รับบริการที่ไม่ดีจากโรงแรมที่เป็นนอมินี รวมถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย สมาคมจึงเกรงว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาและประเทศไทยต้องเสียหาย
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถห้ามการทำธุรกิจในรูปแบบนี้ได้ ก็ต้องการให้เป็นการเช่าเหมาโรงแรมที่มีใบอนุญาติประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม ประเด็นนี้สมาคมมีความเป็นห่วงมากโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและขจัดปัญหาไม่ให้ลุกลามออกไปมากขึ้น
ล่าสุดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) และสมาคมโรงแรมไทย ตกลงร่วมกันแล้วว่าจะยึดหลักเกณฑ์ให้บริษัทนำเที่ยวที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายใช้บริการโรงแรมที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน
ปัจจุบันโรงแรมในพัทยาจำนวนกว่า 700 แห่ง ห้องพักรวมกว่า 50,000 ห้อง ซึ่งเท่าที่สมาคมตรวจสอบ พบว่า มีกรณีการเหมาโรงแรม รวมถึงการซื้อกิจการโรงแรมไปทำทัวร์ ประมาณ 2,000 ห้อง คิดเป็น 4% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด ทั้งนี้ไม่นับรวมกรณีการซื้อห้องชุดในคอนโดมิเนียมมาเป็นห้องพักให้แก่นักท่องเที่ยว
นางสาวบุณฑริก กล่าวอีกว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวเมืองพัทยาปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้น เฉลี่ยมีอัตราเข้าพักตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงขณะนี้อยู่ที่ 65-70% ของจำนวนห้องพักรวมทั้งหมด เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดที่เติบโตสูงได้แก่ รัสเซีย อินเดีย และจีน
ส่วนสถานการณ์ช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) จากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้สมาคมและผู้ประกอบการมีความกังวล จึงวางแผนจัดโครงการพัทยา แกรนด์ เซล ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ตั้งเป้าขยายขอบเขตโครงการจากเดิมที่ทำบัตรส่วนลดแจกให้กับคนไทยและต่างชาติที่ทำงานในไทย (เอ็กซ์แพ็ต) มาใช้บริการเข้าพักโรงแรม และใช้บริการแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารในพัทยา แต่ปีนี้จะขยายไปถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศด้วย และเพิ่มช่องทางจุดรับบัตรส่วนลดให้กับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นเพื่อให้การกระตุ้นยอดการเข้าพักช่วงโลว์ซีซั่นเห็นผลชัดเจนขึ้น ขณะที่ช่องทางจุดแจกบัตรใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมฐานสมาชิกใหม่ที่จะเข้ามาในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มยอดสมาชิกได้มากกว่าปีก่อน 50%
