ASTVผู้จัดการรายวัน – เดอะมอลล์อัพเกรดสาขาชานเมือง ยกพลอินเตอร์แบรนด์แฟชั่น ไปเปิดจุดขาย ทุ่ม 200 ล.ประเดิมรีโนเวตแผนกแฟชั่นบางกะปิใหม่ ลั่นปีนี้ทั้งลกลุ่มแฟชั่นโต 10% ทะลุ 9,200 ล้านบาท
นางมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า มีแผนจะรีโนเวทแผนกสินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า เครื่องหนัง แอสเซสซอรี่) ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ของเดอะมอลล์ทุกสาขา เพื่อรองรับกับแฟชั่นทั้งอินเตอร์แบรนด์และโลคัลแบรนด์ใหม่ๆที่ไม่เคยมาเปิดกับเดอะมอลล์ในสาชาชานเมือง และกำลังซื้อที่มีอยู่สูง
อีกทั้งยังเป็นการหาโอกาสให้กับแบรนด์ใหญ่เหล่านี้ หากเกิดปัจจัยลบทางการเมือง เช่นต้องปิดศูนย์การค้าเหมือนปีที่แล้วจากปัญหาการชุมนุม ทำให้เสียโอกาสในการขาย และอินเตอร์แบรนด์หลายรายก็มองว่ามไม่จำเป็นต้องมาแข่งแย่งลูกค้ากันเฉพาะในใจกลางเมืองเท่านั้น ดังนั้นการขยายไปยังชานเมืองจึงเพิ่มโอกาสได้
โดยล่าสุดจะเริ่มปรับที่สาขาบางกะปิ ใช้งบ 200 ล้านบาท ปรับเดือนพ.ค.นี้ และจะเสร็จกลางปีนี้ ต่อไปคือสาขา งามวงศ์วาน งบ 50 ล้านบาท และสาขาบางแค
สำหรับแบรนด์ใหญ่ที่จะเริ่มขยายไปเปิดชอปอินชอปและเคาน์เตอร์ในสาขาชานเมืองเช่น เอ็มเอ็นจี โพรโมด แคสเซิล แพลเล็ต การ์เด้น เป็นต้น รวมแล้วมากว่กา 20 แบรนด์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
“ตอนนี้กำลังซื้อของลูกค้าเดอะมอลล์ชานเมืองอยู่ที่ 1,800-2,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ขณะที่ในกลางเมืองเช่นที่พารากอน อยู่ที่ 3,500 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งเมื่อมีอินเตอร์แบรนด์ก็จะทำให้กำลังซื้อการจับจ่ายเพิ่มขึ้นไปด้วย”
บริษัทฯยังมีแผนที่จะร่วมมือกับซัปพลายเออร์พัฒนาเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ของบริษัทฯเองเพิ่มขึ้น หลังจากที่เริ่มแล้วกับแบรนด์ โปรเจ็คต์ 1.1 ของกลุ่มผู้ชาย ที่ได้รับวามสำเร็จมากมียอดขายรวมกว่า 3 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนกลุ่มผู้หยิงคาดว่าปีหน้าจะเริ่มได้ ขณะเดียวกันได้นำเข้าสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศใช้แบรนด์ อีแอนด์พี ที่สร้างขึ้นมาเอง เป็นเสื้อผ้า เครื่องหนัง เริ่มวางขายที่พารากอนก่อน
สำหรับยอดขายรวมของกลุ่มแฟชั่นปีที่แล้วประมาณ 8,200 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 21% ของยอดขายรวมเดอะมอลล์กรุ๊ป เติบโต 12% ซึ่งแผนกของผู้หญิง ทำรายได้สัดส่วน 4,500 ล้านบาท ส่วนของผู้ชายสัดส่วน 3,700 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 9,200 ล้านบาทเติบโต 10%
นางมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า มีแผนจะรีโนเวทแผนกสินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า เครื่องหนัง แอสเซสซอรี่) ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ของเดอะมอลล์ทุกสาขา เพื่อรองรับกับแฟชั่นทั้งอินเตอร์แบรนด์และโลคัลแบรนด์ใหม่ๆที่ไม่เคยมาเปิดกับเดอะมอลล์ในสาชาชานเมือง และกำลังซื้อที่มีอยู่สูง
อีกทั้งยังเป็นการหาโอกาสให้กับแบรนด์ใหญ่เหล่านี้ หากเกิดปัจจัยลบทางการเมือง เช่นต้องปิดศูนย์การค้าเหมือนปีที่แล้วจากปัญหาการชุมนุม ทำให้เสียโอกาสในการขาย และอินเตอร์แบรนด์หลายรายก็มองว่ามไม่จำเป็นต้องมาแข่งแย่งลูกค้ากันเฉพาะในใจกลางเมืองเท่านั้น ดังนั้นการขยายไปยังชานเมืองจึงเพิ่มโอกาสได้
โดยล่าสุดจะเริ่มปรับที่สาขาบางกะปิ ใช้งบ 200 ล้านบาท ปรับเดือนพ.ค.นี้ และจะเสร็จกลางปีนี้ ต่อไปคือสาขา งามวงศ์วาน งบ 50 ล้านบาท และสาขาบางแค
สำหรับแบรนด์ใหญ่ที่จะเริ่มขยายไปเปิดชอปอินชอปและเคาน์เตอร์ในสาขาชานเมืองเช่น เอ็มเอ็นจี โพรโมด แคสเซิล แพลเล็ต การ์เด้น เป็นต้น รวมแล้วมากว่กา 20 แบรนด์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
“ตอนนี้กำลังซื้อของลูกค้าเดอะมอลล์ชานเมืองอยู่ที่ 1,800-2,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ขณะที่ในกลางเมืองเช่นที่พารากอน อยู่ที่ 3,500 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งเมื่อมีอินเตอร์แบรนด์ก็จะทำให้กำลังซื้อการจับจ่ายเพิ่มขึ้นไปด้วย”
บริษัทฯยังมีแผนที่จะร่วมมือกับซัปพลายเออร์พัฒนาเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ของบริษัทฯเองเพิ่มขึ้น หลังจากที่เริ่มแล้วกับแบรนด์ โปรเจ็คต์ 1.1 ของกลุ่มผู้ชาย ที่ได้รับวามสำเร็จมากมียอดขายรวมกว่า 3 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนกลุ่มผู้หยิงคาดว่าปีหน้าจะเริ่มได้ ขณะเดียวกันได้นำเข้าสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศใช้แบรนด์ อีแอนด์พี ที่สร้างขึ้นมาเอง เป็นเสื้อผ้า เครื่องหนัง เริ่มวางขายที่พารากอนก่อน
สำหรับยอดขายรวมของกลุ่มแฟชั่นปีที่แล้วประมาณ 8,200 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 21% ของยอดขายรวมเดอะมอลล์กรุ๊ป เติบโต 12% ซึ่งแผนกของผู้หญิง ทำรายได้สัดส่วน 4,500 ล้านบาท ส่วนของผู้ชายสัดส่วน 3,700 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 9,200 ล้านบาทเติบโต 10%
