ชาร์ปเปิดเกมลุยเครื่องซักผ้าถังเดียว ชูนวัตกรรรมใหม่ จับกลุ่มตลาดกลาง หวังเบียดแชร์ได้ 10% พร้อมปิดรายได้ปีงบประมาณ 53 เติบโต 15% โล่งใจชาร์ปที่ญี่ปุ่นไม่เจอผลกระทบ พร้อมบริจาคช่วยเหลือ 100 ล้านเยน
นายฮาทาโน ฮิโรชิ ผู้อำนวยการกลุ่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทได้เพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องซักผ้า เพื่อเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง โดยผลิตจากโรงงานในประเทศไทย หลังจากศึกษาพบว่า ตลาดกลุ่มเครื่องซักผ้าในปีที่ผ่านมามีความต้องการสูงถึง 1.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นราว 18.6% โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องซักผ้าถังเดียวมีความต้องการสูงถึง 5.4 แสนเครื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 27%
ดังนั้นในเบื้องต้นบริษัทได้มีการเปิดตัวกลุ่มเครื่องซักผ้าถังเดียวจำนวน 3 รุ่น คือ ขนาด 7.5, 8.5 และ 9 กิโลกรัม ราคา 7,500-10,900 บาท จับกลุ่มตลาดกลาง เทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว ถือว่าราคาอยู่ในระดับเดียวกัน ชูจุดขายในเรื่องของนวัตกรรมและดีไซน์ที่แตกต่าง จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป ภายใต้การทำตลาดในลักษณะของการจัดดิสเพลย์ เน้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงการใช้งานจริง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่ง 10% ในตลาดเครื่องซักผ้าถังเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับปีงบประมาณ 2553 (1เม.ย.53-31 มี.ค.54) ภาพรวมรายได้ของบริษัท พบว่ามีอัตราการเติบโตราว 15% แม้จะมีเหตุการณ์การชุมนุมเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.ในปีที่ผ่านมาก็ตาม โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เอวี โดยเฉพาะ แอลซีดีทีวี ถือเป็น กลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ขณะที่กลุ่มโซล่าเซลล์เป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตสูงมาก เนื่องจากปีก่อนหน้านี้ มีฐานที่เล็กอยู่
นายฮาทาโน กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นนั้น ในส่วนของโรงงานชาร์ปที่มีกว่า 10 โรง ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างไร เนื่องจากอยู่คนละพื้นที่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบเฉพาะในส่วนของโรงงานโตชิอิ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ ที่ผลิตชิ้นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับหลายๆแบรนด์มากกว่า ทั้งนี้ทางชาร์ปพร้อมให้การช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินมูลค่า100 ล้านเยน รวมถึง แอลซีดีทีวี ขนาด 32 นิ้ว จำนวน 250 เครื่อง ติดตั้งประจำศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และบริจาคโซล่าเซลล์ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารได้
นายฮาทาโน ฮิโรชิ ผู้อำนวยการกลุ่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทได้เพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องซักผ้า เพื่อเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง โดยผลิตจากโรงงานในประเทศไทย หลังจากศึกษาพบว่า ตลาดกลุ่มเครื่องซักผ้าในปีที่ผ่านมามีความต้องการสูงถึง 1.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นราว 18.6% โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องซักผ้าถังเดียวมีความต้องการสูงถึง 5.4 แสนเครื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 27%
ดังนั้นในเบื้องต้นบริษัทได้มีการเปิดตัวกลุ่มเครื่องซักผ้าถังเดียวจำนวน 3 รุ่น คือ ขนาด 7.5, 8.5 และ 9 กิโลกรัม ราคา 7,500-10,900 บาท จับกลุ่มตลาดกลาง เทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว ถือว่าราคาอยู่ในระดับเดียวกัน ชูจุดขายในเรื่องของนวัตกรรมและดีไซน์ที่แตกต่าง จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป ภายใต้การทำตลาดในลักษณะของการจัดดิสเพลย์ เน้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงการใช้งานจริง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่ง 10% ในตลาดเครื่องซักผ้าถังเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับปีงบประมาณ 2553 (1เม.ย.53-31 มี.ค.54) ภาพรวมรายได้ของบริษัท พบว่ามีอัตราการเติบโตราว 15% แม้จะมีเหตุการณ์การชุมนุมเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.ในปีที่ผ่านมาก็ตาม โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เอวี โดยเฉพาะ แอลซีดีทีวี ถือเป็น กลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ขณะที่กลุ่มโซล่าเซลล์เป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตสูงมาก เนื่องจากปีก่อนหน้านี้ มีฐานที่เล็กอยู่
นายฮาทาโน กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นนั้น ในส่วนของโรงงานชาร์ปที่มีกว่า 10 โรง ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างไร เนื่องจากอยู่คนละพื้นที่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบเฉพาะในส่วนของโรงงานโตชิอิ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ ที่ผลิตชิ้นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับหลายๆแบรนด์มากกว่า ทั้งนี้ทางชาร์ปพร้อมให้การช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินมูลค่า100 ล้านเยน รวมถึง แอลซีดีทีวี ขนาด 32 นิ้ว จำนวน 250 เครื่อง ติดตั้งประจำศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และบริจาคโซล่าเซลล์ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารได้