xs
xsm
sm
md
lg

อุทกภัยกระหน่ำใต้เมืองคอนดับ9รายเตือน10จว.ท่วมฉับพลัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวภาคใต้ -เมืองคอนยังไม่พ้นวิกฤต ประกาศเป็นภัยพิบัติยกจังหวัด ตายเพิ่มเป็น 9 ศพ ผู้ว่าฯสั่งจับตา 24 ชั่วโมงหวั่นน้ำป่า-ดินสไลด์กลางดึก ขณะที่หลายจังหวัดยังอ่วมและส่อวิกฤตเพิ่ม อุตุฯเตือน 10 จังหวัดใต้ระวังน้ำป่าน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนถนนเสียหายกว่า 58 เส้นทาง มูลค่า 658 ล้านบาท ด้านบพ.คาดสนามบินนครฯปิดซ่อม3 วัน ประสาน 3 สายการบิน เปลี่ยนใช้สนามบินตรังแทน ส่วนทางรถไฟขาดช่วงสถานีนคร-โคกครามยังวิ่งไม่ได้ ครม.อนุมัติงบ 10 ล้านทำถุงยังชีพแจกผู้เดือดร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า หลายจังหวัดสถานการณ์ยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช วานนี้ (28 มี.ค.) ในหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากระดับน้ำยังคงในระดับท่วมสูง โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช แม้ว่าโดยทั่วไปน้ำจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม หลายชุมชนยังมีระดับน้ำเกินกว่า 1 เมตร เช่น ชุมชนหลังสถานีรถไฟ บ่อทรัพย์ มุมป้อม ประตูขาว หัวท่า เป็นต้น

นอกจากนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ ฝนได้ลงตกลงมาอย่างหนักอีกระลอก ทำให้ระดับน้ำหลายจุดในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ทรงตัวกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบางพื้นที่อยู่ห่างไกลทางภาคพื้นดินไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้เจ้าหน้าต้องนำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือแทน

**ประกาศเมืองคอนภัยพิบัติยก จว.

นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เนื่องจากตลอดทั้งวันได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักอีกครั้งครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด ทำให้สถานการณ์เริ่มน่าเป็นห่วงอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้ 1 วันฝนเริ่มคลี่คลายและเริ่มมีแสงแดดบ้าง กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ฝนได้กระหน่ำลงมาอย่างหนักอีกครั้ง จึงได้ประกาศให้ จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 23 อำเภอ เป็นเขตพื้นที่พิบัติภัยน้ำท่วมแล้วเพื่อจะได้เตรียมการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอที่ติดกับเชิงเขาทุกแห่งให้เตรียมมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังภัยน้ำป่าทะลักท่วมและภูเขาถล่มดินสไลด์ตลอด 24 ชั่วโมง

**สนามบินยังเดี้ยงปิดบริการต่อ

นางศิรินารถ จุลเกลี้ยง หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยการบิน รักษาราชการ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำลดลงออกจากผิวรันเวย์หมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากต้องเคลียร์สภาพพื้นผิวรันเวย์และแทกซี่เวย์ให้ได้ทั้งหมดก่อน เพราะมีเศษวัตถุต่างๆ ที่ไหลมากับน้ำท่วมกลาดเกลื่อนจำนวนมาก ต้องใช้เวลาราว 3 วัน ทำให้มีความเสียหายด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ ของท่าอากาศยานหายไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงความเสียหายจากสายการบินที่ต้องสูญเสียผู้โดยสารไปถึงกว่าวันละ 1,600-1,700 คนทีเดียว

**รถไฟ-รพ.ท่าศาลาปิดต่ออีก

ด้านสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ยังมีการประกาศหยุดเดินรถ แม้ว่าน้ำที่ท่วมรางจะลดระดับลงแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงได้ออกตระเวนตรวจซ่อมรางตั้งแต่สถานีนครศรีธรรมราช ไปจนถึงสถานีชุมทางเขาชุมทอง อ.ร่อนพิบูลย์ ส่วนผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารนั้น ต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟทุ่งสงที่ยังเปิดใช้บริการตามปกติ

ส่วนโรงพยาบาลท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ยังคงปิดให้บริการ เนื่องจากความเสียหายกับเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ และในทุกระบบที่เกี่ยวข้องอย่างหนักสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

**ตายแล้ว9ศพคาดเสียหาย300ล.

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมนั้น วานนี้ได้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายโดยจมน้ำเสียชีวิตที่บริเวณลำคลองลาวเห้ง บ้านสำนักเนียน หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย อ.สิชล ตั้งแต่คืนวันที่ 27 มี.ค.ทำให้ใน จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 รายแล้ว

ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้นใน จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 22 อำเภอ 131 ตำบล 1,063 หมู่บ้าน 38,629 ครัวเรือน รวมผู้เดือดร้อน 139,754 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 42,600 ไร่ ถนนเสียหาย 609 สาย ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท

**อีก2วันตรังอ่วมน้ำจากนครสมทบ

ส่วนที่ จ.ตรัง น้ำยังคงท่วมทั้ง 6 อำเภอ คือ อ.เมือง นาโยง ห้วยยอด รัษฎา ย่านตาขาว และปะเหลียน โดยระดับน้ำทรงตัวอยู่ที่ 20-80 เซนติเมตร ยกเว้นที่หมู่ 5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง และหมู่ 8 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ถนนเข้าหมู่บ้านหลายสายชำรุดเป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร บางแห่งยังมีน้ำไหลเชี่ยวกราก ขณะที่ความช่วยเหลือเข้าพื้นที่ได้ล่าช้า

ส่วนพื้นที่ที่อยู่ติดกับแม้น้ำตรังและจุดพื้นที่รับน้ำระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า 1-2 วันนี้สถานการณ์จะวิกฤตยิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีน้ำจากนครศรีธรรมราช ไหลลงมาสมทบ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 2-3 เมตร

สำหรับ จ.พัทลุง สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มดีขึ้น หลังฝนหยุดตกทิ้งช่วงทำให้ระดับน้ำลดลงตามลำดับ โดยพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมสูงสุดคือที่ อ.ควนขนุน อย่างไรก็ตาม มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน คือ เด็กชายซอดีหรีน เส็นเกลี้ยง อายุ 7 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 7 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง จมน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มี.ค.54 ที่ผ่านมา

**สุราษฎร์ฝนซ้ำอีกดินถล่มหลายจุด

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงบ่ายมีฝนตกหนักลงมาอีกระลอก ทำให้ระดับน้ำในที่ลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอีก ระดับน้ำบางแห่งยังสูงประมาณ 80-100 ซม.ส่วนพื้นที่หมู่ 7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา มีดินภูเขาถล่มหลายจุด โดยเฉพาะดินถล่มทับเส้นทางบ้านวังบัวตูม บ้านควนนกหว้า บ้านเขาหลัก จุดละประมาณ 100 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำเครื่องกลเข้าไปเปิดเส้นทางได้ เพราะฝนยังตกลงมาเรื่อยๆ และที่ อ.วิภาวดีมีรายงานเรื่องดินถล่มเช่นเดียวกัน

**เตือน10จ.ใต้ระวังน้ำป่าน้ำท่วมฉับพลัน
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศเตือนภัย "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2554 ออกประกาศ เวลา 16.30 น.ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ ตรัง และสตูล

**"จุรินทร์"สั่ง รพ.ทำแผน4ด้านรับมือน้ำท่วม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบในส่วนสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้รับความเสียหายแล้ว 12 แห่ง อาทิ รพ.ท่าศาลา อาคารปฏิบัติการชั้น 1 ไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งตนได้กำชับให้ทุกโรงพยาบาลเร่งกู้สถานการณ์กลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติโดยเร็ว

นอกจากนี้ ยังได้สั่งให้องค์การเภสัชกรรม เร่งผลิตยาชุดน้ำท่วม 1 แสนชุด เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน วึ่งล่าสุดได้ส่งยาชุดน้ำท่วมไปยังนครศรีธรรมราชแล้ว 2 หมื่นชุด

***ถนนเสียหาย 58 เส้นทาง

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ขณะนี้มี ถนนของทช. ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 58 สายทาง สามารถสัญจรได้ 41 สายทาง ไม่สามารถสัญจรได้ 17 สายทาง คิดเป็นความเสียหาย 658 ล้านบาท ซึ่งหลังน้ำลดจะเร่งเข้าปรับปรุงในแต่ละเส้นทางโดยใช้งบประมาณฉุกเฉินที่ทช.ได้รับอนุมัติ ส่วนการซ่อมแซมถนนแบบถาวรนั้นคาดว่าจะต้องตั้งงบประมาณเพื่อขอเบิกจ่ายในงบประมาณปี 2555 ในการปรับปรุงซ่อมบำรุงถนน นอกจากนี้ ในส่วนของการอำนวยความสะดวกในขณะนี้ ทช.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าดำเนินการปักป้ายเตือนในเส้นทางที่ประสบเหตุอุทกภัย ทั้งนี้ เป็นการเตือนความพร้อมในการสัญจรในแต่ละเส้นทาง

**รถไฟทางขาดนครฯ-โคกคราม

สำหรับเส้นทางรถไฟ วานนี้ (28 มี.ค.) จนถึงเวลา 16.00 น. ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ช่วงสถานีนครศรีธรรมราช-โคกคราม เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าซ่อมบำรุงทางท่ามกลางฝนตกต่อเนื่อง ดังนั้นรถไฟเส้นทางกรุงเทพไปนครศรีธรรมราช จะหยุดแค่สถานีชุมทางทุ่งสง ส่วนขบวนกรุงเทพฯ ไปยะลา, หาดใหญ่, ปะดังเบซาร์ และ กันตัง เปิดให้บริการตามปกติ และสำหรับขบวนรถไฟท้องถิ่นยังคงงดให้บริการทั้งหมด

**พม.รอน้ำลดค่อยเข้าเยียวยา

นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกตัวเลขได้ว่าจะต้องใช้เงินชดเชยเท่าไร เนื่องจากความเสียหายและจำนวนผู้ประสบภัยยังไม่นิ่ง คงต้องรอหลังน้ำลดจึงจะเข้าไปสำรวจความเสียหายเบื้องต้นได้ ซึ่ง พม.ก็จัดคนไว้เตรียมพร้อมอยู่ตลอด ทั้งนี้ เกณฑ์ในการให้เงินชดเชยคงจะใช้เกณฑ์เดิมจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าเหตุน้ำท่วมครั้งนี้น่าจะรุนแรงน้อยกว่าครั้งที่แล้ว เพราะเกิดเหตุเฉพาะจุดเท่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศเหมือนครั้งก่อน

**โรงเรียน613 แห่ง เสียหาย 163 ล้าน

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง และ กระบี่ โดยมีโรงเรียนในพื้นที่ สพป.10 เขต 558 โรงเรียน ความเสียหายจำนวน 130.7 ล้านบาท สพม. 1 เขต 55 โรงเรียน ความเสียหายจำนวน 32.9 ล้านบาท รวมโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 11 เขตพื้นที่ 613 โรงเรียน รวมความเสียหาย 163.7 ล้านบาท ทั้ง นี้ถือว่าเป็นความโชคดีที่ขณะนี้อยู่ระหว่างปิดภาคเรียน จึงไม่เกิดผลกระทบต่อการเดินทางและการจัดการเรียนการสอนของนักเรียน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เขตพื้นที่ได้รายงานตัวเลขความเสียหายไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ในฐานะที่เป็นประธานศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย

***”มาร์ค” มั่นใจรับมือไหว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในขณะนี้ว่า ในที่ประชุมครม. ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาหรือกัน โดยเรื่องน้ำท่วม ได้เร่งดูแลพื้นที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าวันนี้ในส่วนของฝั่งอันดามันจะได้รับผลกระทบมากขึ้น ส่วนฝั่งอ่าวไทย เท่าที่ติดตามพบว่า ยังมีฝนตกหนักอยู่ ซึ่งกลไกต่างๆ ได้การดำเนินการอย่างเต็มที่

ขณะที่กระทรวงคมนาคม ได้รายงานถึงเรื่องที่จะพยายามให้สนามบิน ถนนต่างๆ ที่ถูกตัดขาด สามารถกลับมาใช้งานได้ ซึ่งคิดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน และเรื่องของการป้องกันการเตือนภัยได้มีการดำเนินมาตามลำดับ และได้มีการระดมนำสิ่งของที่สามารถช่วยเหลือได้จากศูนย์ที่อย่างใกล้เคียง โดยเฉพาะเรื่องของเรือ จากรอบที่แล้วที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม จำนวนเรือที่มีเครื่องยนต์เข้าไป จะได้เข้าไปช่วยอย่างเต็มที่

ส่วนการชดเชย จะมีการประเมินหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดชัดเจนว่า เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือพิเศษหรือไม่ อย่างไร ซึ่งต้องรอเวลาอีกสักระยะ เพราะหลักเกณฑ์เดิมจะอยู่บนพื้นที่ที่มีอยู่หลายเกณฑ์ ซึ่งจะต้องกลับไปดูรายละเอียดก่อน

**สั่ง“สาทิตย์”เร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.เมื่อวานนี้ ( 28 มี.ค. )ว่า ที่ประชุมครม.รับทราบการรายงานของหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด โดยครม.ได้มอบหมายให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปจัดทำเกณฑ์การชดเชยค่าเสียหาย เยียวยาประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยให้นำกลับมาเสนอต่อครม. อีกครั้งในสัปดาห์หน้า รวมถึงผู้ประสบภัยในคราวก่อนด้วย

** ให้10 ล้าน ทำถุงยังชีพแจกน้ำท่วม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้( 29 มี.ค.) จะมีการประชุมศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) โดยในเบื้องต้น เตรียมอนุมัติงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อจัดทำถุงยังชีพแจกจ่ายประชาชน 2 หมื่นชุด พร้อมทั้งจะประสานงานกับภาคเอกชน ระดมความช่วยเหลือต่อไป

**"มาร์ค" เตรียมลงพื้นที่น้ำท่วม

นายวิทเยนทร์ มุตตตามระ รองผู้อำนวยการ ศชอ.กล่าวว่า พื้นที่ที่ประสบภัยในภาคใต้มี 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง และชุมพร รวม 42 อำเภอ มีประชาชนได้รับความเดือนร้อน 268 268,781 คน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ( จ.นครศรีธรรมราช 5 ราย พัทลุง 1 ราย )

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งเรือท้องแบนจำนวน 136 ลำ และเรือในพื้นที่ประสบภัย 117 ลำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และทางกรมชลประทานได้นำเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันเข้าไปในพื้นที่แล้ว และขณะนี้แม่น้ำสายหลักในภาคใต้ น้ำต่ำกว่าตลิ่ง จึงสามารถสูบน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่ลงแม่น้ำได้ หากยังไม่มีฝนตกเพิ่มอีก

อย่างไรก็ตาม ยังมีฝนตกหนักบริเวณ ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทางตอนเหนือ อ.ถลาง จ. ภูเก็ต โดยในพื้นที่ อ.ตะกั่วทุ่ง ได้มีการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนเตรียมอพยพแล้ว และกรมอุตนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่าจะมีฝนตกหนักที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร และอาจจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฏร์ฯ และนครศรีธรรมราช จึงได้สั่งให้เฝ้าระวังแล้ว

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าภายใน 1-2 วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่ เพื่อไปตรวจดูความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบใน 5 จังหวัดดังกล่าวด้วย

***ภัยธรรมชาติฉุดท่องเที่ยวเม.ย.วูบ30%

นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องปรับแผนเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง โดยปรับเส้นทางเลี่ยงพื้นที่ที่ประสบภัย เช่น เส้นทาง ชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบ ก็นำเสนอเส้นทาง ระนอง พังงา และ ภูเก็ต ทดแทน เพื่อไม่ให้เกิดการยดเลิกการเดินทาง เบื้องต้น นักท่องเที่ยวก็เข้าใจและยินยอม โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจองเดินทางเฉพาะที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวสูงสุดเพียง 60-70% ของจำนวนแพเกจทัวร์ที่สามารถรองรับได้ ลดลง 20-30% จากเดิมที่ประเมินว่าจะได้ 80-90% เพราะปีนี้สถานการณ์การเมืองในประเทศสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องมาเจอกับปัญหาภัยธรรมชาติ ซึ่งผู้ประกอบการก็รู้สึกเห็นใจประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่

**ททท.ยอมรับน้ำท่วมฉุดท่องเที่ยว

นายธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการด้าตลาดในประเทศ ททท.กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ มีผลกระทบให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะต้องชะลอแผนการท่องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะมีอุปสรรเรื่องการเดินทาง มีรายงานว่า นักท่องเที่ยวเดินป่าที่นครศรีธรรมราช ยกเลิกการเดินทางหมดแล้ว ซึ่งททท. อยู่ในช่วงเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวในแต่ละพื้นที่ เพื่อเตรียมหาแนวทางรับมือต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น