นครศรีธรรมราช - เมืองคอนยังไม่พ้นวิกฤตน้ำท่วม ตายเพิ่มเป็น 9 ศพแล้ว หลายพื้นที่ยังถูกตัดขาด ขณะที่ระบบขนส่งและการจราจรก็แทบจะอัมพาต ประเมินผลกระทบเบื้องต้นมีพื้นที่ประสบภัย 22 อำเภอ 131 ตำบล 1,063 หมู่บ้าน 38,629 ครัวเรือน รวมผู้เดือดร้อน 139,754 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 42,600 ไร่ ถนนเสียหาย 609 สาย ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า วันนี้ (28 มี.ค.) ในหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำยังคงในระดับท่วมสูง โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช แม้ว่าโดยทั่วไปน้ำจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม หลายชุมชนยังมีระดับน้ำเกินกว่า 1 เมตร เช่น ชุมชนหลังสถานีรถไฟ บ่อทรัพย์ มุมป้อม ประตูขาว หัวท่า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอก ทำให้ระดับน้ำหลายจุดในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช ทรงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สภาพอากาศมืดครึ้มท้องฟ้าปิด เส้นทางถูกตัดขาดเพิ่มเติม ล่าสุด คอสะพานบ้านน้ำแคบถูกน้ำกัดเซาะจนขาดสะบั้นตัดการจราจรทุกชนิด
ขณะที่อำเภอรอบนอก เช่น อ.พระพรหม อ.พรหมคีรี อ.ลานสกา ยังมีระดับน้ำท่วมสูงเช่นเดียวกัน ท่ามกลางความพยายามในการเข้าช่วยเหลือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และส่วนราชการต่างๆ รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
สำหรับการระบายน้ำนั้น ในส่วนของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นพื้นที่รับน้ำจากเทือกเขาหลวง นายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และเครื่องผลักดันน้ำจากกรมชลประทาน เข้าติดตั้งในจุดสำคัญหลายจุด ตลอดทั้งแนวลำคลองสำคัญ คือ คลองป่าเหล้า คูพาย สวนหลวง หน้าเมือง ท่าโพธิ์ ท่าซัก เพื่อผลักดันน้ำออกสู่อ่าวปากนครระบายลงสู่อ่าวไทยให้เร็วมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากพื้นที่ตอนในของ จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นทุกพื้นที่ บางจุดสูงกว่า 2 เมตร และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุน
ขณะเดียวกัน สำนักชลประทานนครศรีธรรมราช ได้เร่งเปิดประตูระบายน้ำในลำคลองชะอวด-แพรกเมือง ซึ่งเป็นคลองขุดในพระราชดำริ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ ในโครงการลุ่มน้ำปากพนังทุกบาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำเต็มพิกัด
สำหรับจระเข้ที่หลุดออกมาจากสวนสัตว์เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีรายงานว่า ทั้งหมดมีถึง 11 ตัว และได้หลุดออกจากสวนสัตว์จากสภาพน้ำท่วมทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้ระดมกำลังไล่ล่าตลอดทั้ง 24 ชม.โดยล่าสุดนั้นได้มีการจับตายไปแล้ว 1 ตัว จับเป็น 2 ตัว และเช้าของวันนี้พบว่ายังว่ายน้ำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสวนสัตว์ 4 ตัว แต่ยังไม่สามารถจับได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานการพบเห็นและพบว่าจระเข้จำนวน 3-4 ตัวได้เข้าโจมตีสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านที่อพยพหนีน้ำ เป็นแพะ 2 ตัว และเป็ดไก่อีกจำนวนหนึ่ง
พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอีกหลายฝ่าย และเจ้าหน้าที่เทศบาล ติดอาวุธออกไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับประชาชน ขณะเดียวกัน พบว่า ยังมีรายงานการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุด ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสัตว์มาก
เจ้าหน้าที่เทศบาลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นไปได้ว่าจะมีจระเข้ที่มีการลักลอบเลี้ยงหลุดออกมาด้วย เนื่องจากเทศบาลมีเพียง 11 ตัวเท่านั้น จับมาได้แล้ว 3 ตัว ยังวนเวียนอยู่ในเขตสวนสาธารณะอีก 4 ตัว และพบเห็นในบริเวณใกล้สนามบินอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อดูแล้วครบ 11 ตัว ดังนั้น จึงเชื่อว่า จระเข้ที่พบเห็นในจุดอื่นไม่น่าจะใช้จระเข้ที่หลุดสวนสัตว์อย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นจระเข้ที่ชาวบ้านลักลอบเลี้ยงแล้วหลุดออกมา
ที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนและสะพานถูกกระแสน้ำป่าตัดขาดหลายแห่ง ทำให้ราษฎรไม่สามารถออกมาสู่ภายนอกได้ โดยเฉพาะนายเขียว แก้วนุ่น อายุ 70 ปี ราษฎร ม.7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งป่วยหนักปัสสาวะเป็นเลือด ต้องรีบนำตัวส่ง รพ.ด่วน แต่ไม่สามารถนำร่างนายเขียวไปส่ง รพ.ได้ เพราะสะพานขาดและทางขาดหลายจุดกองทัพภาคที่ 4 จึงส่ง ฮ.บินมารับตัวนายเขียวส่งรักษาตัวที่ รพ.ค่ายวชิราวุธของกองทัพภาคที่ 4 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และขณะนี้แพทย์ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
นายธนพล ไชยชาญ ผจก.บริษัท เหมืองแร่ พีแอนด์เอส แบริ่งไม่นิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาไม้ไผ่ บ้านกรุงชิง ม.8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.อ.ภาสกร ทวีตา รอง ผอ.กกร.ทภ.4 ที่ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาค 4 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ให้ช่วยจัดส่ง ฮ.บินขึ้นไปช่วยนำคนงานเหมืองแร่ จำนวน 20 คน และชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตที่ติดอยู่บนเหมืองแร่ ไม่สามารถลงมาได้ เนื่องจากทางและสะพานขาดหลายแห่ง ต้องติดอยู่บนเหมืองแร่บนภูเขา ไฟฟ้าก็ดับหมด เนื่องจากกระแสน้ำป่าพัดเสาไฟฟ้าล้มหมด ไม่มีอาหารกินมานาน 5 วันแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพภาค 4 ไม่สามารถนำ ฮ.บินขึ้นไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากฝนตกหนัก และสภาพอากาศปิดอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคในการบิน ต้องรอให้อากาศเปิดจึงสามารถเริ่มปฏิบัติ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะปฏิบัติการในช่วงใด ต้องรอเวลาเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจำนวน 60 คนที่เดินทางมาเที่ยวรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนผืนป่ากรุงชิง เขต อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ต้องติดอยู่บนภูเขากรุงชิงนานเป็นเวลา 5 วันเช่นกัน พ.ต.อ.เชิดชาย โมสิกะ ผกก.สภ.นบพิตำ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นบพิตำ ร่วมกับฝ่ายปกครองและ จนท.มูลนิธิต่างๆ ได้ร่วมกันช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวทั้ง 60 ชีวิตลงมาได้อย่างปลอดภัย โดยขณะผ่านถนนท้องที่ ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เกิดสะพานขาด ต้องให้นักท่องเที่ยวลงจากรถเดินข้ามสะพานไม้ แล้วมาขึ้นรถตู้ที่จัดไว้จำนวน 6 คันที่เตรียมไว้อีกฝั่งสะพานเดินทางออกจากพื้นที่ อ.นบพิตำ มุ่งหน้ากลับกรุงเทพมหานคร
นางศิรินารถ จุลเกลี้ยง หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยการบิน รักษาราชการผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำลดลงออกจากผิวรันเวย์หมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากต้องเคลียร์สภาพพื้นผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์ให้ได้ทั้งหมดก่อน เพราะมีเศษวัตถุต่างๆ ที่ไหลมากับน้ำท่วมกลาดเกลื่อนจำนวนมาก ต้องใช้เวลาราว 3 วัน
ขณะเดียวกัน พบว่า ระบบไฟฟ้าในส่วนของระบบไฟนำทาง ระบบไฟฟ้าอุปกรณ์นำร่องการลงจอด และระบบไฟฟ้าที่ฝังอยู่เสียหายทั้งหมด ต้องรอเจ้าหน้าที่วิศวกรผู้เชี้ยวจากกรมการขนส่งทางอากาศ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เข้าทำการวิเคราะห์ตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดเวลาในการเปิดบินได้ ทำให้มีความเสียหายด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ ของท่าอากาศยานหายไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงความเสียหายจากสายการบินที่ต้องสูญเสียผู้โดยสารไปถึงกว่าวันละ 1,600-1,700 คนทีเดียว
ด้านสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ยังมีการประกาศหยุดเดินรถ แม้ว่าน้ำที่ท่วมรางจะลดระดับลงแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงได้ออกตระเวนตรวจซ่อมรางตั้งแต่สถานีนครศรีธรรมราช ไปจนถึงสถานีชุมทางเขาชุมทอง อ.ร่อนพิบูลย์ ส่วนผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารนั้น ต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟทุ่งสงที่ยังเปิดใช้บริการตามปกติ
ล่าสุด โรงพยาบาลท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ยังคงปิดให้บริการ เนื่องจากความเสียหายกับเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และในทุกระบบที่เกี่ยวข้องอย่างหนักสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลาจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งเก็บกวาดกู้ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำอย่างเร่งด่วน และคาดว่าจะเปิดบริการได้ในราววันพุธที่ 30 มี.ค.นี้ โดยขณะนี้ได้มีพี่เลี้ยงคือ รพ.มหาราชได้มาตั้ง รพ.สนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยเบื้องต้นหากมีกรณีต้องรับเข้ารักษาตัวจะส่งต่อไปยัง รพ.มหาราชทันที
“ความเสียหายในขณะนี้ดูแล้วใจหาย อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์จำนวนมากจมน้ำอย่างสิ้นเชิง คิดเป็นตัวเงินมูลค่าสิ่งของเหล่านั้นแล้วราว 40 ล้านบาท ซึ่งต้องประสานกับทุกฝ่ายเพื่อหาช่องทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะอาคารต่างๆ ต้องปรับรูปแบบให้มีความสูงมากขึ้น เพื่อหนีอุทกภัยเช่นนี้ ตลอด 30 ปีตั้งแต่สร้างโรงพยาบาลมา เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” ผอ.รพ.ท่าศาลา กล่าว
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมนั้น วันนี้ (28 มี.ค.) ได้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายที่ อ.สิชล โดยจมน้ำเสียชีวิตที่ บริเวณลำคลองลาวเห้ง บ้านสำนักเนียน หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่คืนวันที่ 27 มี.ค.เวลา 23.00 น.และ พ.ต.ท.ปรีชา สวนจันทร์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สิชล ได้เข้าทำการชันสูตรพลิกศพแล้ว คือ นางเอื้อมพร สังข์วงศ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนอนตะแคงในลำคลองติดกับก้อนหินและท่อประปาหมู่บ้าน
จากการสอบสวนญาติได้ความว่า ผู้ตายได้เดินทางออกจากบ้านไปยังขนำในสวนยางพาราบนภูเขาเพียงคนเดียว ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.คาดว่า วันที่เสียชีวิตผู้ตายได้เดินทางกลับบ้าน โดยเดินข้ามลำคลองแล้วเจอกระแสน้ำเชี่ยว ทำให้เสียการทรงตัวและล้มลงในลำคลอง เป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว รวมยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชใ นขณะนี้สูงถึง 9 รายแล้ว
ขณะที่ นายคเณศวร์ คงหอม หน.กลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ รรท.หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ล่าสุดมีเหตุการณ์ดินสไลด์ที่ ม.1 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยดินได้สไลด์ลงมาปิดทับถนนใน ม.5 หมู่บ้านและลานจอดรถน้ำตกอ้ายเขียว และบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย 5 หลัง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการประเมินในเบื้องต้น จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 22 อำเภอ 131 ตำบล 1,063 หมู่บ้าน 38,629 ครัวเรือน รวมผู้เดือดร้อน 139,754 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 42,600 ไร่ ถนนเสียหาย 609 สาย ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท