เปิดยุทธศาสตร์ นู สกิน รบตลาดขายตรง 5 ปีชูเอจล็อคเรือธงบุกทั่วโลก วางหมัดไทยขึ้นแท่นตลาดหลักอันดับ 6 ในเอเชียแทนที่ฮ่องกงปีนี้ ตั้งเป้าปีนี้โกย 2,600 ล้านบาท ด้านเอวอนรุกสกินแคร์-แฮร์แคร์
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คิอาโน่ ประธาน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงนู สกิน เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมานู สกิน ทั่วโลกมีรายได้ 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยนู สกิน เป็นบริษัทขายตรง 1 ใน 11 บริษัททั่วโลกที่เติบโตสูง โดยยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเร็วที่สุด มีรายได้ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 12% ของรายได้รวม ซึ่งไทยสร้างรายได้อันดับ 1 ตามด้วย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ในอีก 3 ปี นู สกิน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการเติบโตเป็นสองเท่าตัว และเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดขายตรงได้อีกมาก
ยุทธศาสตร์ของนู สกิน ทั่วโลก คือ มุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย”เอจล็อค” ซึ่งจะขยายไลน์สินค้าใหม่ต่อเนื่องในช่วง 5 ปี และเติบโตก้าวกระโดด รวมถึงการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย โดยวางแผนสร้างนู สกิน ไทยปีนี้เป็นตลาดที่สร้างรายได้จากอันดับ 7 มาเป็น 6 ในเอเชีย แทนที่ฮ่องกง จากปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักสร้างรายได้อันดับ 1 ตามด้วยเกาหลี อเมริกา ไต้หวัน จีน ฮ่องกง และไทย จาก 50 ประเทศทั่วโลก
“การเปิดฟรีเทรดในปี 2558 นู สกินสามารถที่จะใช้ประโยชน์ที่ได้รับตรงนี้ และทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อีกมาก และแม้ว่าปีนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากตลาดญี่ปุ่น หลังจากเกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ และโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ทำให้ยอดขายลดลง 17-18% แต่ยังคงมีตลาดอื่นๆ มาทดแทนรายได้ที่หายไป ขณะที่ญี่ปุ่นเชื่อว่ายังเป็นตลาดเรือธงที่สร้างรายได้อันดับ 1 เนื่องจากเกาหลียังมีรายได้ที่ห่างจากญี่ปุ่นอยู่มาก”
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยุทธศาสตร์นู สกินไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้อันดับ 6 ในเอเชีย ปีนี้มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์เอจล็อค โดยแตกไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเดือนตุลาคมจะเปิดตัวสินค้าใหม่ จากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวกลุ่มสกินแคร์เอจล็อค ทรานส์ฟอร์เมชั่น แล้ว
“เป้าหมายอีก 4 ปีข้างหน้าเอจล็อคจะเป็นสินค้าเรือธงในปี 2558 ของบริษัทสู่ 5,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย จากปัจจุบันมูลค่าตลาดราว 8,000 ล้านบาท เติบโต 30%”
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 2,600 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีที่แล้วมีรายได้ 2,000ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายโต30% ส่วนแผนครึ่งปีแรกนี้ รุกกิจกรรมการตลาดอย่างหนัก ทั้งการส่งเสริมการขาย การจัดกิจกรรมโรดโชว์ 2011 ตามตลาดต่างจังหวัด การเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 10% จากปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่ายและผู้ซื้อสินค้าไปใช้ 2.7 แสนราย
***เอวอนรุกสกินแคร์-แฮร์แคร์
นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอวอนมีแผนรุกตลาดสกินแคร์ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 7% ต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 55,000 ล้านบาทในปี 2557 รงมทั้งจะรุกตลาดแฮร์แคร์ด้วยที่มีมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาทเติบโต 4% คาดว่าปี 2557 จะเป็น 24,000 ล้านบาท
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คิอาโน่ ประธาน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงนู สกิน เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมานู สกิน ทั่วโลกมีรายได้ 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยนู สกิน เป็นบริษัทขายตรง 1 ใน 11 บริษัททั่วโลกที่เติบโตสูง โดยยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเร็วที่สุด มีรายได้ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 12% ของรายได้รวม ซึ่งไทยสร้างรายได้อันดับ 1 ตามด้วย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ในอีก 3 ปี นู สกิน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการเติบโตเป็นสองเท่าตัว และเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดขายตรงได้อีกมาก
ยุทธศาสตร์ของนู สกิน ทั่วโลก คือ มุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย”เอจล็อค” ซึ่งจะขยายไลน์สินค้าใหม่ต่อเนื่องในช่วง 5 ปี และเติบโตก้าวกระโดด รวมถึงการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย โดยวางแผนสร้างนู สกิน ไทยปีนี้เป็นตลาดที่สร้างรายได้จากอันดับ 7 มาเป็น 6 ในเอเชีย แทนที่ฮ่องกง จากปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักสร้างรายได้อันดับ 1 ตามด้วยเกาหลี อเมริกา ไต้หวัน จีน ฮ่องกง และไทย จาก 50 ประเทศทั่วโลก
“การเปิดฟรีเทรดในปี 2558 นู สกินสามารถที่จะใช้ประโยชน์ที่ได้รับตรงนี้ และทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อีกมาก และแม้ว่าปีนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากตลาดญี่ปุ่น หลังจากเกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ และโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ทำให้ยอดขายลดลง 17-18% แต่ยังคงมีตลาดอื่นๆ มาทดแทนรายได้ที่หายไป ขณะที่ญี่ปุ่นเชื่อว่ายังเป็นตลาดเรือธงที่สร้างรายได้อันดับ 1 เนื่องจากเกาหลียังมีรายได้ที่ห่างจากญี่ปุ่นอยู่มาก”
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยุทธศาสตร์นู สกินไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้อันดับ 6 ในเอเชีย ปีนี้มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์เอจล็อค โดยแตกไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเดือนตุลาคมจะเปิดตัวสินค้าใหม่ จากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวกลุ่มสกินแคร์เอจล็อค ทรานส์ฟอร์เมชั่น แล้ว
“เป้าหมายอีก 4 ปีข้างหน้าเอจล็อคจะเป็นสินค้าเรือธงในปี 2558 ของบริษัทสู่ 5,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย จากปัจจุบันมูลค่าตลาดราว 8,000 ล้านบาท เติบโต 30%”
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 2,600 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีที่แล้วมีรายได้ 2,000ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายโต30% ส่วนแผนครึ่งปีแรกนี้ รุกกิจกรรมการตลาดอย่างหนัก ทั้งการส่งเสริมการขาย การจัดกิจกรรมโรดโชว์ 2011 ตามตลาดต่างจังหวัด การเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 10% จากปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่ายและผู้ซื้อสินค้าไปใช้ 2.7 แสนราย
***เอวอนรุกสกินแคร์-แฮร์แคร์
นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอวอนมีแผนรุกตลาดสกินแคร์ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 7% ต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 55,000 ล้านบาทในปี 2557 รงมทั้งจะรุกตลาดแฮร์แคร์ด้วยที่มีมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาทเติบโต 4% คาดว่าปี 2557 จะเป็น 24,000 ล้านบาท