xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นอพยพคนงานหนีรังสีปนน้ำ10ล้านเท่า ผวาเขื่อนเมืองกาญจน์ร้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเอฟพี - วิกฤตนิวเคลียร์ญี่ปุ่นทรุดหนักลงอีก สั่งถอนคนงานออกจากอาคารเตาปฏิกรณ์ เหตุตรวจพบน้ำมีระดับกัมมันตภาพรังสีอันตรายถึงชีวิต สูงกว่าน้ำในเตาปฏิกรณ์ทั่วไป 10 ล้านเท่าตัว คาดสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นคราวนี้อาจยืดเยื้อ ขณะที่เมืองไทยเกิดข่าวลือสะพัดกาญจนบุรีเขื่อนร้าว!!

บริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ (เท็ปโก) ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ออกมาแถลงวานนี้ว่า จากการตรวจวัดน้ำที่อยู่ภายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ พบว่ามีระดับกัมมันตภาพรังสีเข้มข้นสูงมากๆ โดยอยู่ในระดับมากกว่า 1,000 มิลลิซีเวิร์ต ต่อชั่วโมง นับเป็นระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดกันมาตั้งแต่ที่วิกฤตนิวเคลียร์คราวนี้ปะทุขึ้น ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิอันร้ายแรงถล่มพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคม

ในช่วงแรกๆ ที่แถลงข่าวตอนบ่ายวานนี้ โฆษกของเท็ปโกระบุว่า ปริมาณรังสีของน้ำในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ดังกล่าว สูงกว่าน้ำในเตาปฏิกรณ์ทั่วๆ ทั่วถึง 10 ล้านเท่า โดยที่เรื่องนี้อาจมีสาเหตุจากการที่ส่วนแกนกลางของเตาปฏิกรณ์ ซึ่งเป็นที่วางแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ได้เกิดการแตกร้าวเสียหาย พร้อมกันนั้นก็ได้มีการสั่งถอนคนงานที่ทำงานอยู่ในอาคารเตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ออกมาแล้ว

ทั้งนี้ตัวเลขรังสีซึ่งวัดได้สูงกว่า 1,000 มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมงนี้ สูงกว่ามากมายนักจากมาตรฐานความปลอดภัยแห่งชาติของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 250 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยที่สำนักงานคุ้มครองของสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯระบุว่า เพียงแค่โดสเดียวของกัมมันตภาพรังสีเข้มข้น 1,000 มิลลิเวิร์ต ก็เพียงพอที่จะเป็นเหตุให้ผู้สัมผัสรังสีเกิดอาการตกเลือด

อย่างไรก็ดี บริษัทเท็ปโกออกมาแถลงในเวลาต่อมาว่า ตัวเลขรังสีที่อ่านได้คราวนี้อาจจะเกิดความผิดพลาด และกำลังมีการตรวจสอบซ้ำเพื่อความแน่นอน

ทางด้าน รอเบิร์ต ฟิงค์ ผู้ชำนาญการด้านการป้องกันรงสี แห่งองค์การความปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีของสวีเดน ได้ให้ความเห็นก่อนที่เท็ปโกจะแถลงเรื่องอาจเกิดความผิดพลาด โดยระบุว่า สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าสาหัสร้ายแรงมาก โดยทางญี่ปุ่นจะต้องรีบสูบน้ำปนเปื้อนรังสีเข้มข้นสูงเหล่านี้ออกมาจากส่วนพื้นของเตาปฏิกรณ์ เพื่อนำมาบำบัดทำให้ระดับรังสีลดต่ำลง ทว่าภายในเตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ เวลานี้ย่อมเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเข้าไปทำงาน โดยถ้าจะเข้าไปก็คงไม่เกินสองสามนาที ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุว่าฝ่ายญี่ปุ่นจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่พวกเขาจะสามารถค่อยๆ ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

เท็ปโกอธิบายว่า เหตุอันชวนให้เกิดความหวาดวิตกอย่างยิ่งคราวนี้ เกิดขึ้นขณะที่พวกวิศวกรและคนงานกำลังพยายามสูบน้ำปนเปื้อนรังสีออกมาจากอาคารกังหันไอน้ำและเตาปฏิกรณ์ของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ภายหลังที่พบว่ามีอาคารกังหันและเตาปฏิกรณ์ของเตาปฏิกรณ์ 3 เครื่องเกิดปัญหานี้

พวกเจ้าหน้าที่บอกในตอนแรกว่า น้ำที่พบในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ดังกล่าว มีระดับกัมมันตภาพรังสี 10 ล้านเท่าของปริมาณสารกัมมันตรังสีไอโออีนที่พบอยู่ในเตาปฏิกรณ์ตามปกติ แต่ก็ชี้ด้วยว่า สารกัมมันตรังสีไอโอดีนเหล่านี้มีช่วงครึ่งอายุ (half-life) เพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่ามันจะจางหายไปหมดภายในเวลา 1 วัน

เวลาต่อมา พวกเขาแถลงว่า สารที่อ่านค่ารังสีได้ระดับสูงลิ่วดังกล่าว อาจจะเป็นสารโคบอลต์ 56 ซึ่งมีช่วงครึ่งอายุ 77 วัน และถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ระดับของกัมมันตภาพรังสีน่าจะอยู่ต่ำกว่านี้อีก

นอกจากปัญหาภายในเตาปฏิกรณ์ ก่อนหน้านั้นของเมื่อวานนี้ สำนักงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นแถลงว่า ระดับกัมมันตภาพรังสีในทะเลบริเวณรอบๆ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ก็ได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 1,850 เท่าของระดับปกติ จากที่ในวันเสาร์ยังอยู่ที่ 1,250 เท่าของระดับปกติ

ฮิเดฮิโกะ นิชิยามะ โฆษกของสำนักงานแห่งนี้บอกว่า กระแสน้ำในมหาสมุทรจะสามารถทำให้อนุภาคกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำทะเลเหล่านี้กระจัดกระจายไป ดังนั้นมันจะอยู่ในสภาพเจือจางลงมากๆ แล้ว เมื่อถูกปลาและสาหร่ายกินเข้าไป

ทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า สถานการณ์โดยรวมที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวขึ้นไปทางเหนือราว 250 กิโลเมตรแห่งนี้ ยังถือว่าไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่เตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องจาก 6 เครื่องของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ขณะนี้อยู่ในภาวะปลอดภัยแล้ว ทว่าอีก 4 เครื่องที่เหลือยังคงไม่เสถียร เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และปล่อยไอน้ำตลาดจนควันลอยออกมาอยู่เป็นระยะๆ

“เราคาดหมายไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากที่ไม่ได้มีการคาดคิดกันมาก่อน และการสะสมของน้ำที่มีรังสีเข้มข้นสูงเช่นนี้ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดกันมาก่อนดังกล่าว” ยูกิโอะ เอดาโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าโฆษกรัฐบาล กล่าวในการแถลงสรุปต่อผู้สื่อข่าว โดยพยายามหามุมมองในแง่ดี

อย่างไรก็ตาม ยูกิยะ อามาโนะ ผู้อำนวยการใหญ่ของทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ที่เป็นองค์กรชำนัญพิศษทางด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ได้ออกมาระบุว่า สถานการณ์ฉุกเฉินด้านนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นคราวนี้ อาจจะดำเนินไปอีกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือกระทั่งหลายๆ เดือน “นี่เป็นอุบัติเหตุครั้งที่ร้ายแรงมากไม่ว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเข้ามาวัดก็ตามที” เขากล่าวกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ พร้อมกับย้ำว่า “และมันก็ยังไม่ได้ยุติลง”

อุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ในประเทศยูเครน เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ซึ่งยังคงถือเป็นอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดในโลก โดยที่ตัวเตาปฏิกรณ์ได้เกิดหลอมละลายและระเบิดปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาสู่บรรยากาศภายนอก ปรากฏว่าต้องใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์กว่าที่จะสามารถทำให้ส่วนที่ยังเหลืออยู่ของเตาปฏิกรณ์เกิดภาวะเสถียร และใช้เวลาหลายเดือนทีเดียวกว่าที่จะทำความสะอาดสะสางพวกวัสดุกัมมันตภาพรังสี ตลอดจนการเทคอนกรีตและใช้แผ่นเหล็กกล้าฝังปิดตายเตาปฏิกรณ์

พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เวลานี้ทั้งแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่อยู่ในส่วนแกนกลางของเตาปฏิกรณ์ และพวกแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วที่อยู่ตามบ่อพักด้านบนของหม้อควบคุมความดันชั้นใน แต่ยังคงอยู่ภายในอาคารเตาปฏิกรณ์ ณ โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ นั้น ยังคงมีอุณหภูมิสูงเกินไป จนกระทั่งยังไม่สามารถพิจารณาใช้วิธีแก้ไขวิธีสุดท้ายทำนองเดียวกันนี้ได้

ในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ มีวิศวกรและคนงานจำนวนหลายอร้อยคน กำลังทำงานเป็นผลัดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อทำให้เตาปฏิกรณ์ทั้งหมดกลับมาอยู่ในภาวะเสถียร ภายหลังที่แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิได้ทำให้ระบบไฟฟ้าสำรองเสียหาย และระบบหล่อเย็นเพื่อลดอุณหภูมิของพวกแท่งเชื้อเพลิง ก็หยุดการทำงาน

การปฏิบัติการของวิศวกรและคนงานเหล่านี้ต้องบังเกิดความชะงักงันหลายต่อหลายครั้ง สืบเนื่องจากเกิดการระเบิด และระดับรังสีภายในเตาปฏิกรณ์กระโจนขึ้นพรวดพราด

ในวันพฤหัสบดี(24)ที่ผ่านมา มีคนงาน 2 คนถูกนำตัวออกจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ไปรักษาที่โรงพยาบาล ภายหลังพวกเขาและคนงานอีกผู้หนึ่งย่ำลงไปในน้ำที่มีระดับกัมมันตภาพรังสีสูงกว่า 10,000 เท่าของที่พบในน้ำในเตาปฏิกรณ์ปกติ

อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่แจ้งวานนี้ว่า เวลานี้คนงานเหล่านี้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยที่ไม่ได้แสดงอาการบาดเจ็บร้ายแรงอะไร และร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะมีปัญหาเฉพาะบริเวณเท้าที่สัมผัสกับน้ำปนเปื้อนรังสีเท่านั้น

อนึ่ง สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ใช้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับกัมมันตภาพรังสีในเขตใจกลางกรุงโตเกียวตอนบ่ายวานนี้ และพบว่าอยู่ในระดับ 0.16 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของทั่วโลกในสภาพที่มีการแผ่รังสีเกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอยู่ที่ 0.17 - 0.39 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง.
กำลังโหลดความคิดเห็น