ศูนย์ข่าวภูเก็ต-คณะกรรมการดำเนินการจ้างออกแบบฯศูนย์ประชุมภูเก็ต เลือกรูปแบบของกลุ่มบริษัท “KAED 103” ที่อาคารเป็นกระดองเต่า และสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ภูเก็ต พร้อมเปิดรับฟังความเห็นชาวภูเก็ตอีกครั้งต้นเมษาฯนี้ และสร้างเสร็จแน่นอนปลายปี 56
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคัดเลือกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ว่า หลังจากที่ทางกรมธนารักษ์ได้นำเสนการออกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมฯภูเก็ต ให้ชาวภูเก็ตได้รับทราบเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้กลุ่มบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกในเบื้องต้น 3 กลุ่ม ได้นำเสนอรูปแบบการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯต่อชาวภูเก็ต
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2554 คณะกรรมการดำเนินการจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง โดยวิธีคัดเลือกแบบจำกัดข้อกำหนดโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธาน ข้าราชการระดับสูงในกรมธนารักษ์ ผู้ว่าราชาการจังหวัดภูเก็ต นายกสมาคมสถาปนิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายกสมาคมวิศวกรรมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนา (สสปน.) รวมทั้งหมด 9 คน ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกกลุ่มบริษัทที่ชนะการออกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมฯภูเก็ต ทั้ง 3 กลุ่มบริษัท ซึ่งประกอบดัวย
กลุ่มที่ 1 KAED103 ได้ออกแบบศูนย์ประชุมอาคารเป็นรูปกระดองเต่า กลุ่มที่ 2 SPAN& FED ออกแบบอาคารเป็นรูปหอยสังข์ และกลุ่มที่ 3 ASD ออกแบบอาคารเป็นรูปหอยมุก
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยต่อว่า จากการพิจารณาของคณะกรรมการฯได้เลือกกลุ่มบริษัท KAED 103 เป็นผู้ชนะการออกแบบดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ารูปแบบอาคารที่นำเสนอเป็นรูปกระดองเต่าและอาคารด้านนอกใช้สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นภูเก็ต และรูปแบบดังกล่าวก็ตรงกับความต้องการของคนภูเก็ตด้วย รวมทั้งกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีประสบการณ์ในการออกแบบและก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไบเทค เมืองทองธานี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ข้อสรุปในเรื่องของกลุ่มบริษัทและรูปแบบของศูนย์ประชุมฯแล้ว จะเสนอขอความเห็นชอบจาก อธิบดีกรมธนารักษ์ เพื่อออกแบบรายละเอียดทั้งหมด หลังจากนั้นจะนำมารับฟังความคิดเห็นจากชาวภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 10 เม.ย. 2554 ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้ศูนย์ประชุมฯภูเก็ตและสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2556 บนเนื้อที่ 141 ไร่ และในส่วนของงบประมาณก่อสร้าง 2,600 ล้านบาท ก็พร้อมแล้วเช่นกัน
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคัดเลือกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ว่า หลังจากที่ทางกรมธนารักษ์ได้นำเสนการออกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมฯภูเก็ต ให้ชาวภูเก็ตได้รับทราบเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้กลุ่มบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกในเบื้องต้น 3 กลุ่ม ได้นำเสนอรูปแบบการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯต่อชาวภูเก็ต
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2554 คณะกรรมการดำเนินการจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง โดยวิธีคัดเลือกแบบจำกัดข้อกำหนดโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธาน ข้าราชการระดับสูงในกรมธนารักษ์ ผู้ว่าราชาการจังหวัดภูเก็ต นายกสมาคมสถาปนิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายกสมาคมวิศวกรรมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนา (สสปน.) รวมทั้งหมด 9 คน ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกกลุ่มบริษัทที่ชนะการออกแบบก่อสร้างศูนย์ประชุมฯภูเก็ต ทั้ง 3 กลุ่มบริษัท ซึ่งประกอบดัวย
กลุ่มที่ 1 KAED103 ได้ออกแบบศูนย์ประชุมอาคารเป็นรูปกระดองเต่า กลุ่มที่ 2 SPAN& FED ออกแบบอาคารเป็นรูปหอยสังข์ และกลุ่มที่ 3 ASD ออกแบบอาคารเป็นรูปหอยมุก
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยต่อว่า จากการพิจารณาของคณะกรรมการฯได้เลือกกลุ่มบริษัท KAED 103 เป็นผู้ชนะการออกแบบดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ารูปแบบอาคารที่นำเสนอเป็นรูปกระดองเต่าและอาคารด้านนอกใช้สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นภูเก็ต และรูปแบบดังกล่าวก็ตรงกับความต้องการของคนภูเก็ตด้วย รวมทั้งกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีประสบการณ์ในการออกแบบและก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไบเทค เมืองทองธานี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ข้อสรุปในเรื่องของกลุ่มบริษัทและรูปแบบของศูนย์ประชุมฯแล้ว จะเสนอขอความเห็นชอบจาก อธิบดีกรมธนารักษ์ เพื่อออกแบบรายละเอียดทั้งหมด หลังจากนั้นจะนำมารับฟังความคิดเห็นจากชาวภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 10 เม.ย. 2554 ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้ศูนย์ประชุมฯภูเก็ตและสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2556 บนเนื้อที่ 141 ไร่ และในส่วนของงบประมาณก่อสร้าง 2,600 ล้านบาท ก็พร้อมแล้วเช่นกัน
