xs
xsm
sm
md
lg

เจาะปัญหาไทย-กัมพูชาแบบครบวงจร(ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย…ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

ระยะทางพิสูจน์-ม้า..กาลเวลาพิสูจน์-คน!

งานนี้..นายกฯอภิสิทธิ์เตะบอลเข้าตีนเขมรฮุนเซนพอดี เพราะไทยก็ไม่ขัดข้องที่อินโดนีเซียจะทำตัวเป็น“มือที่สาม” เข้ามาสังเกตุการณ์การหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา!

สำหรับทหารอินโดนีเซียที่มาสังเกตุการณ์ด้านกัมพูชานั้น ฮุนเซนจอมเจ้าเล่ห์จะต้องวางไว้ในดินแดนไทย 4.6 ตร.กม. ที่ทางทหารกัมพูชายึดครองอยู่ เช่น ยอดภูมะเขือ วัดแก้วฯ เพราะเป็นการยืนยันว่า..

หนึ่ง-กัมพูชายืนยันในเขตดินแดนตามแผนที่ฯ 1ต่อ2 แสน ตามที่ประเทศไทยยืนยันรับรองไว้เองใน MOU2543 ทั้งหมดเป็นดินแดนของกัมพูชา

สอง-กัมพูชายืนยันว่า..รัฐบาลไทยได้ส่งทหารรุกล้ำยึดครองดินแดนกัมพูชา ในแนวแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสนมาตลอด จนทำให้เกิดสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา

สาม-รัฐบาลฮุนเซนได้เสนอให้อาเซี่ยนเข้าแทรกแซง โดยยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง“ยูเอ็นเอสซี” ก่อนที่ยูเอ็นเอสซีจะส่งเรื่องลงมาให้อาเซี่ยน โดยอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซี่ยน ที่สนิทสนกับกัมพูชาได้เสนอตัวเป็นคนกลาง ในการสังเกตุการณ์การหยุดยิงระหว่าง 2 ประเทศ

ต้องถือว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์พลาดอีกคราแล้ว เพราะอภิสิทธิ์ได้หลงกลการเมืองของฮุนเซนเพราะดันไปยอมรับอินโดนีเซียให้เข้ามา เป็นผู้สังเกตุการณ์ตามที่เขมรฮุนเซน เคยเรียกร้องเอาไว้แต่แรก เท่ากับการเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชาที่อภิสิทธิ์ฝันหา กลายเป็นฝันสลายหายไปกับ“มือที่สาม” เพราะอินโดนีเซียโผล่หน้าเข้ามาจุ้นเป็นพหุภาคีไปแล้วครับ

หากเรื่องราวเดินไปในทิศทางดังกล่าว ก็เท่ากับประเทศไทยยอมรับการเสียดินแดนทางพฤติกรรมให้กับประเทศกัมพูชา ทำให้นานาชาติเข้าใจว่าไทยยอมรับในแผนที่ฯ 1ต่อ 2 แสนซ้ำแล้วซ้ำอีก

แน่นอน..นานาชาติจะยิ่งเชื่อในสิ่งที่กัมพูชาโฆษณาว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายรุกรานยึดครองดินแดนของกัมพูชามาโดยตลอด ยิ่งมีประเทศอินโดนีเซียเป็นคนกลางมาคอยสังเกตุการณ์การหยุดยิง โดยที่กัมพูชายังยึดครองดินแดนไทยอยู่ในขณะนี้ จึงทำให้ชาติไทยเสียเปรียบกัมพูชาในทุกด้านไปโดยปริยาย

เพราะทำให้ประเทศไทยไม่อาจใช้กำลังทหารที่เหนือกว่า มาปกป้องดินแดนและอธิปไตยของชาติตนเอง ด้วยการผลักดันทหารกัมพูชาให้ออกไปจากผืนแผ่นดินไทยได้เลย ตราบใดที่ยังมีทหารอินโดนีเซียคอยสังเกตุการณ์อยู่

นั่นเท่ากับชาติไทยต้องเสียดินแดนให้กัมพูชาทางพฤติกรรมอย่างไม่มีกำหนด!

เท่านั้นยังไม่พอ..รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังยินยอมให้ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก Ms.Irina Bokova เข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาแก้ปัญหา ระหว่างไทย-กัมพูชาในห้วงเดือนพฤษภาคม2554 หรือก่อนจะมีการประชุมพิจารณาของยูเนสโก ในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารอย่างเป็นทางการ ในเดือนมิถุนายน 2554 ซึ่งได้ย้ายสถานที่ประชุมจากประเทศบาเรนห์ มาประชุมที่ประเทศฝรั่งเศสแทนอีกด้วย

งานนี้..นายกฯ อภิสิทธิ์รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่า ประเทศฝรั่งเศสมีอิทธิพลครอบงำยูเนสโกอยู่ อีกทั้งฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีผลประโยชน์ ในเรื่องสัมปทานน้ำมันกับกัมพูชาอีกด้วย ดังนั้น..ฝรั่งเศสจึงเข้าข้างกัมพูชาในการขึ้นทะเบียน มรดกโลกปราสาทพระวิหารมาโดยตลอด

แล้วไฉนใยนายกฯอภิสิทธิ์จึงยินยอมให้ยูเนสโก ซึ่งครอบงำโดยฝรั่งเศสที่ไม่เป็นกลางเข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยว กับกรณีกัมพูชาบังอาจยึดดินแดนไทย 4.6 ตร.กม.ด้วยเล่า?

นอกจากนั้น..เขมรฮุนเซนที่เห็นแก่ได้ ยังได้เรียกร้องต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้รีบนำร่างบันทึกข้อตกลงของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ“เจบีซี” ซึ่งมีรายละเอียดที่ทำให้ชาติไทยเสียเปรียบ ต่อชาติกัมพูชามากมายสารพัดสารพันประเด็น ให้รัฐสภาไทยลงมติรับรองโดยไวอีกด้วย

เรียกว่า..อะไรที่ได้เปรียบสำหรับเขมรฮุนเซนจอมเจ้าเล่ห์แล้ว เขาจะลงมืออย่างแข็งขันในบีบบังคับให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เร่งรัดทำตามสิ่งที่ฮุนเซนปรารถนาต้องการทันที!

ได้ผลครับ..เพราะเกิดเรื่องน่าสงสัยอย่างใหญ่หลวงขึ้นในไทยทันที โดยนายกฯ อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เกิดอาการรุกรี้รุกรนรับลูกเขมรฮุนเซน ด้วยการผลักดันรัฐสภาไทยให้เร่งลงมติรับรองเอกสาร บันทึกข้อตกลงเจบีซี.3 ฉบับ ตามที่เขมรฮุนเซนเรียกร้องต้องการจนผิดสังเกตุอย่างเห็นได้ชัด

โดยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2553 นายกฯอภิสิทธิ์ได้รับปากกับตัวแทนพันธมิตรฯ ว่าจะเปิดให้มีเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะนำบันทึกข้อตกลงเจบีซีเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา

แต่แล้วนายกฯ อภิสิทธิ์กลับ“ตระบัดสัตย์”อย่างให้อภัยให้ไม่ได้เลย เพราะนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่เพียงไม่ทำตามที่รับปากกับพันธมิตรฯไว้เท่านั้น แต่จู่ๆรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับนำเอกสารบันทึกข้อตกลง 3 ฉบับของเจบีซี รุกรี้รุกรนเข้าที่ประชุมรัฐสภาอย่างกระทันหันอีกด้วย!

2 พฤศจิกายน 2553 พันธมิตรฯจึงจำต้องออกมาชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภา เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์“ลักไก่”จะให้รัฐสภายกมือรับรอง บันทึกข้อตกลงเจบีซีทั้ง 3 ฉบับให้ได้ แต่เพราะกลัวพลังประชาชนที่รักชาติหวงแหนดินแดนไทยเอาจริง-สู้จริง สุดท้าย..วิปฝ่ายรัฐบาลก็จำต้องเลื่อนการประชุมการลงมติในรัฐสภาออกไปอีกครั้งหนึ่ง

ทว่า..ท่ามกลางการกดดันของเขมรฮุนเซนอย่างหนัก ในที่สุดรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็แสดงอาการสมยอม-จงใจ ที่จะทำให้ชาติไทยเสียเปรียบกัมพูชาซ้ำซากอีกครา โดยนายกฯ อภิสิทธิ์ได้เตรียมการผลักดันบันทึกข้อตกลงเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ เข้าสู่รัฐสภาไทยในวันที่ 25 มีนาคม 2554 นี้

โดยไม่แยแสสนใจกับกระแสคัดค้านต่อต้าน ของขบวนการคนไทยผู้รักชาติและหวงแหนแผ่นดิน ซึ่งชุมนุมกันอย่างยืดเยื้ออยู่ที่สะพานมัฆวานฯในขณะนี้แต่ประการใด ภาคประชาชนฯ จึงได้ประกาศจะต่อสู้กับการกระทำ ที่ทำให้ชาติไทยต้องเสียดินแดนให้กับกัมพูชาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในวันที่ 25 มีนาคม 2554 ที่จะถึงนี้อย่างถึงที่สุด

วันนี้..พฤติกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ กำลังนำชาติไทยเดินหน้าไปสู่การเสียดินแดนอย่างเป็นทางการ เพราะวิธีคิด-วิธีทำงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นผิดพลาดมาโดยตลอด ทำให้ชาติไทยเสียเปรียบต่อชาติกัมพูชาไปทุกฝีก้าว

นายกฯ อภิสิทธิ์รู้ไหม..ว่าได้กระทำให้ชาติไทยเสียเปรียบชาติกัมพูชา?

นายกฯอภิสิทธิ์มิใช่คนโง่จนไม่เท่าทันเล่ห์กลเขมรฮุนเซน แต่หากนายกฯ อภิสิทธิ์ฉลาดและควรจะรู้ทันฮุนเซน แล้วทำไมยังจงใจแกล้งทำให้ชาติไทยเสียเปรียบชาติเขมรอยู่อีกล่ะ?

นายกฯอภิสิทธิ์มีความลับอะไรซ่อนเร้น หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงอยู่ จึงทำให้นายกฯอภิสิทธิ์เสมือนสมยอม-จงใจ ทำให้ชาติไทยเสียเปรียบชาติกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้อยู่อีกล่ะ?

รัฐบาลอภิสิทธิ์-เทพเทือก-ประวิตร-กษิต-เนวิน ทำไมจึงบังอาจทำเสมือนสมยอม-จงใจยกดินแดนไทย 4.6 ตร.กม. ที่เทพเทือกบอกว่า“แค่แมวดิ้นตาย”ให้เขมรฮุนเซน..หือ..?

อืม..อยากรู้ว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์แลกแผ่นดินไทยกับอะไร? ชาติและประชาชนได้ในสิ่งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไปแลกหรือเปล่า? หรือ..ผลประโยชน์ที่แลกกับเขมรฮุนเซนนั้น ได้กับไอ้พวกโจรการเมืองไม่กี่คนของอภิสิทธิ์เท่านั้น คุ้มและถูกต้องหรือกับการจะได้เป็นนายกฯอีกครั้ง..อภิสิทธิ์..???
กำลังโหลดความคิดเห็น