ASTVผู้จัดการรายวัน – ส.อ.ท.มั่นใจการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นไม่ลด แม้ว่าช่วงสั้นการส่งออกชิ้นส่วนฯ ยางพาราได้รับผลกระทบบ้าง แต่บางกลุ่มธุรกิจได้ประโยชน์ ส่วนสายเดินเรือทางทะเลยันการส่งออกไปญี่ปุ่นยังดีอยู่ เตือนผู้ส่งออกไทยประสานผู้นำเข้าใกล้ชิดโดยฉพาะอาหารแช่แข็ง เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าตกค้างหลังท่าเรือโตเกียวแออัด
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานเสวนาเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจไทย...กรณีสึนามิและการรองรับวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น วานนี้ (23 มี.ค.)ว่า คาดว่าภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยลดลง 0.1% เช่น กรณีการขาดชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งการท่องเที่ยว การลงทุนและการเคลื่อนย้ายเงินทุน
ส่วนการส่งออกสินค้าของไทยไปญี่ปุ่นไม่มีผลกระทบหรืออาจส่งออกเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วน 10.5%ของส่งออกรวม หรือประมาณ 2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าไทยอาจได้รับผลกระทบระยะสั้นโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าขั้นกลางและส่วนประกอบ เช่นคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า และยางพารา ส่วนสินค้าอาหารสินค้าก่อสร้างและเสื้อผ้าเชื่อว่าส่งออกได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สินค้าบางชนิดที่ญี่ปุ่นผลิตไม่ได้ก็จะเคลื่อนย้ายมาผลิตในไทยแทน
นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธานกรรมการบริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯได้ตรวจเช็คกับทุกโรงงานพบว่าในระยะสั้น 2-3 เดือนไม่มีปัญหา เว้นแต่ชิ้นส่วนนำเข้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำเข้าชิ้นส่วนจากที่อื่นเป็นการชั่วคราว ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นไม่ได้ลดลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ และบริษัทฯมีแผนจะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ญี่ปุ่นมีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก
นายคมกฤช ไชยคำ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท NYK LINE (THAILAND) จำกัด กล่าวว่า จากเหตุภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นทำให้ท่าเรือเซนไดต้องปิดบริการ ดังนั้นสินค้าต่างมุ่งไปยังท่าเทียบเรือโตเกียวแทน ทำให้ปริมาณสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้าท่าเรือโตเกียวเพิ่มขึ้นมากจนปัจจุบันความสามารถในการรองรับสินค้าใกล้เต็มที่
ดังนั้นผู้ส่งออกของไทยหากต้องการส่งสินค้าทางเรือไปญี่ปุ่นต้องเช็กกับผู้นำเข้าให้ดีเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือได้เร็ว โดยเฉพาะอาหารแช่แข็ง เพราะยังมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าในโตเกียวอยู่ เชื่อว่าญี่ปุ่นจะเคลียร์ปัญหานี้ได้เร็ว 2-3 อาทิตย์ อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าทางทะเลในช่วงนี้ยังดีอยู่ ไม่มีสัญญาณการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นลดลง แต่อาจมีปัญหาด้านการขนส่งบนบกที่ญี่ปุ่นบ้าง เนื่องจากรถบรรทุกหัวลากต้องหยุดวิ่งเพราะยังขาดแคลนน้ำมันอยู่ ทำให้สินค้ายังคงค้างอยู่ในท่าเทียบเรือจำนวนมาก
นางพัลลภา ศักดารักษ์ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นมีแน่นอน เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตไปญี่ปุ่น ซึ่งเซนไดมีโรงงานรถยนต์ 22 แห่งที่ได้ปิดตัว ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากไทยไปญี่ปุ่นต้องหยุดผลิตไปด้วย ซึ่งกรมฯอยู่ระหว่างการหาตลาดอื่นในอาเซียนให้โรงงานไทยเหล่านี้รวมทั้งมีการวางแผนระยะกลาง-ยาวเพื่อรองรับ ป้องกันไม่ให้กระทบต่อเป้าหมายการส่งออกของไทย
ส่วนสิ่งทอไทยขณะนี้ได้รับคำสั่งซื้อจากญี่ปุ่นเข้ามามากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าผลกระทบจากภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบทางบวกกับภาคอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งอาหาร แก้วและกระจก
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานเสวนาเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจไทย...กรณีสึนามิและการรองรับวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น วานนี้ (23 มี.ค.)ว่า คาดว่าภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยลดลง 0.1% เช่น กรณีการขาดชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งการท่องเที่ยว การลงทุนและการเคลื่อนย้ายเงินทุน
ส่วนการส่งออกสินค้าของไทยไปญี่ปุ่นไม่มีผลกระทบหรืออาจส่งออกเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วน 10.5%ของส่งออกรวม หรือประมาณ 2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าไทยอาจได้รับผลกระทบระยะสั้นโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าขั้นกลางและส่วนประกอบ เช่นคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า และยางพารา ส่วนสินค้าอาหารสินค้าก่อสร้างและเสื้อผ้าเชื่อว่าส่งออกได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สินค้าบางชนิดที่ญี่ปุ่นผลิตไม่ได้ก็จะเคลื่อนย้ายมาผลิตในไทยแทน
นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธานกรรมการบริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯได้ตรวจเช็คกับทุกโรงงานพบว่าในระยะสั้น 2-3 เดือนไม่มีปัญหา เว้นแต่ชิ้นส่วนนำเข้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำเข้าชิ้นส่วนจากที่อื่นเป็นการชั่วคราว ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นไม่ได้ลดลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ และบริษัทฯมีแผนจะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ญี่ปุ่นมีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก
นายคมกฤช ไชยคำ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท NYK LINE (THAILAND) จำกัด กล่าวว่า จากเหตุภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นทำให้ท่าเรือเซนไดต้องปิดบริการ ดังนั้นสินค้าต่างมุ่งไปยังท่าเทียบเรือโตเกียวแทน ทำให้ปริมาณสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้าท่าเรือโตเกียวเพิ่มขึ้นมากจนปัจจุบันความสามารถในการรองรับสินค้าใกล้เต็มที่
ดังนั้นผู้ส่งออกของไทยหากต้องการส่งสินค้าทางเรือไปญี่ปุ่นต้องเช็กกับผู้นำเข้าให้ดีเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือได้เร็ว โดยเฉพาะอาหารแช่แข็ง เพราะยังมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าในโตเกียวอยู่ เชื่อว่าญี่ปุ่นจะเคลียร์ปัญหานี้ได้เร็ว 2-3 อาทิตย์ อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าทางทะเลในช่วงนี้ยังดีอยู่ ไม่มีสัญญาณการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นลดลง แต่อาจมีปัญหาด้านการขนส่งบนบกที่ญี่ปุ่นบ้าง เนื่องจากรถบรรทุกหัวลากต้องหยุดวิ่งเพราะยังขาดแคลนน้ำมันอยู่ ทำให้สินค้ายังคงค้างอยู่ในท่าเทียบเรือจำนวนมาก
นางพัลลภา ศักดารักษ์ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นมีแน่นอน เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตไปญี่ปุ่น ซึ่งเซนไดมีโรงงานรถยนต์ 22 แห่งที่ได้ปิดตัว ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากไทยไปญี่ปุ่นต้องหยุดผลิตไปด้วย ซึ่งกรมฯอยู่ระหว่างการหาตลาดอื่นในอาเซียนให้โรงงานไทยเหล่านี้รวมทั้งมีการวางแผนระยะกลาง-ยาวเพื่อรองรับ ป้องกันไม่ให้กระทบต่อเป้าหมายการส่งออกของไทย
ส่วนสิ่งทอไทยขณะนี้ได้รับคำสั่งซื้อจากญี่ปุ่นเข้ามามากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าผลกระทบจากภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบทางบวกกับภาคอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งอาหาร แก้วและกระจก