ไมเนอร์ เบนเข็มหนีกรุงเทพฯ ชี้สภาพตลาดโรงแรมยังโอเวอร์ซัพพลายสูง วางแผนสยายปีก จับพื้นที่ท่องเที่ยวลุยเทคโอเวอร์ และรับบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ เล็งตลาดหลักภูมิภาคเอเชีย อินเดีย ตะวันนออกลาง รายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% อีก 5 ปี ชูแบรนด์ อนันตรา ลดแบรนด์ แมริออท
นางสาวปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจกลุ่มโรงแรมของเครือไมเนอร์ กรุ๊ป อีก 5 ปี จะชะลอการลงทุนในไทย และขยายธุรกิจสู่การรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ อนันตรา แทนการลงทุนสร้างโรงแรม โดยพื้นที่ที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุน คือ กรุงเทพ เพราะผลจากวิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้โรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ส่งผลให้เกิดการแข่งขันผู้ประกอบการจัดโปรโมชันแถม ค่าของพักมีราคาเฉลี่ยลดลง 20% คาดว่าใช้เวลา2 ปี จึงฟื้นสู่ภาวะปกติ
ทำเลศักยภาพที่จะขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย คาบสมุทรอินเดีย ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา ส่วนในประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ และ เกาะสมุย ตั้งเป้า 5 ปี จะมีโรงแรมแบรนด์”อนันตรา” 75 โรงแรม กระจายอยู่ทั่วโลกหรือเฉลี่ยรับบริหารโรงแรมที่ปีละ 10 แห่ง ซึ่งในที่นี้เป็นโรงแรมที่ลงทุนเอง 10แห่ง อีก 65 แห่ง เป็นโรงแรมที่รับบริหารจัดการ จากปัจจุบัน มีโรงแรม แบรนด์ อนันตรา ถึงปลายปี 2554 มีทั้งสิ้น 23 แห่ง โดยเป็นเจ้าของเอง 6 แห่ง ตั้งเป้าภายใน 5 ปี สัดส่วนรายได้และกำไรสุทธิเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะมาจากต่างประเทศ 40% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนที่ 12-15%
นางสาวปรารถนา กล่าวอีกว่า บริษัทจะลดสัดส่วนแบรนด์ แมริออท เพราะเป็นเชนที่บริษัทจ้างมาบริหาร โดยหากที่ใดหมดสัญญา ก็จะรีโนเวตพร็อพเพอร์ตี้และนำแบรนด์ อนันตรา เข้าสวมแทน ซึ่งปีนี้ แบงก์คอก แมรีออท รีสอร์ท แอนด์สปา จะหมดสัญญา ก็จะนำแบรนด์ อนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา ริเวอร์ไซน์ กรุงเทพฯ เข้าสวมแทน
ทั้งนี้การนำแบรนด์อนันตรา เป็นโรงแรม 5 ดาว เข้าสวมแทนแบรนด์แมริออท ซึ่งเป็น 4 ดาวบวก จะทำให้ปรับขึ้นราคาค่าห้องได้ โดยอนันตรา จะมีราคาแพงกว่ากว่าแบรนด์อื่นในระดับเดียวกันราว 20% จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวนห้องพักโรงแรมที่อยู่ในประเทศไทย 4,500 ห้อง แบ่งเป็นแบรนด์แมริออท 1,200 ห้อง สิ้นปีนี้จะปรับเหลือ 800 ห้อง
ใน 3 ปีนี้ บริษัท มีงบประมาณสำหรับเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมราว 3 หมื่นล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา บริษัทได้เทคโอเวอร์โรงแรม ระดับ 4 ดาว ในประเทศศรีลังกา พร้อมเปลี่ยนแบรนด์เป็นชื่อ ชาดา(JADA) ซึ่งมีแผนว่า จะพัฒนาแบรนด์ JADA นี้ เพื่อนำไปใส่ในโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่บริษัทจะเทคโอเวอร์ และรับบริหารจัดการในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ไป โดยยังไม่คิดลงเล่นแบรนด์ระดับ 3ดาว เพราะกำไรน้อย การแข่งขันเริ่มสูง โดยเฉพาะต้องแข่งกับเซอร์วิสอพาร์ทเมน ส่วนโรงแรม 4 ดาว ลูกค้าจะเลือกใช้บริการเชน มากกว่าระดับราคาห้องพักเฉลี่ยที่ กว่า 2,500 บาทต่อห้อง
นางสาวปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจกลุ่มโรงแรมของเครือไมเนอร์ กรุ๊ป อีก 5 ปี จะชะลอการลงทุนในไทย และขยายธุรกิจสู่การรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ อนันตรา แทนการลงทุนสร้างโรงแรม โดยพื้นที่ที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุน คือ กรุงเทพ เพราะผลจากวิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้โรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ส่งผลให้เกิดการแข่งขันผู้ประกอบการจัดโปรโมชันแถม ค่าของพักมีราคาเฉลี่ยลดลง 20% คาดว่าใช้เวลา2 ปี จึงฟื้นสู่ภาวะปกติ
ทำเลศักยภาพที่จะขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย คาบสมุทรอินเดีย ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา ส่วนในประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ และ เกาะสมุย ตั้งเป้า 5 ปี จะมีโรงแรมแบรนด์”อนันตรา” 75 โรงแรม กระจายอยู่ทั่วโลกหรือเฉลี่ยรับบริหารโรงแรมที่ปีละ 10 แห่ง ซึ่งในที่นี้เป็นโรงแรมที่ลงทุนเอง 10แห่ง อีก 65 แห่ง เป็นโรงแรมที่รับบริหารจัดการ จากปัจจุบัน มีโรงแรม แบรนด์ อนันตรา ถึงปลายปี 2554 มีทั้งสิ้น 23 แห่ง โดยเป็นเจ้าของเอง 6 แห่ง ตั้งเป้าภายใน 5 ปี สัดส่วนรายได้และกำไรสุทธิเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะมาจากต่างประเทศ 40% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนที่ 12-15%
นางสาวปรารถนา กล่าวอีกว่า บริษัทจะลดสัดส่วนแบรนด์ แมริออท เพราะเป็นเชนที่บริษัทจ้างมาบริหาร โดยหากที่ใดหมดสัญญา ก็จะรีโนเวตพร็อพเพอร์ตี้และนำแบรนด์ อนันตรา เข้าสวมแทน ซึ่งปีนี้ แบงก์คอก แมรีออท รีสอร์ท แอนด์สปา จะหมดสัญญา ก็จะนำแบรนด์ อนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา ริเวอร์ไซน์ กรุงเทพฯ เข้าสวมแทน
ทั้งนี้การนำแบรนด์อนันตรา เป็นโรงแรม 5 ดาว เข้าสวมแทนแบรนด์แมริออท ซึ่งเป็น 4 ดาวบวก จะทำให้ปรับขึ้นราคาค่าห้องได้ โดยอนันตรา จะมีราคาแพงกว่ากว่าแบรนด์อื่นในระดับเดียวกันราว 20% จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวนห้องพักโรงแรมที่อยู่ในประเทศไทย 4,500 ห้อง แบ่งเป็นแบรนด์แมริออท 1,200 ห้อง สิ้นปีนี้จะปรับเหลือ 800 ห้อง
ใน 3 ปีนี้ บริษัท มีงบประมาณสำหรับเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมราว 3 หมื่นล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา บริษัทได้เทคโอเวอร์โรงแรม ระดับ 4 ดาว ในประเทศศรีลังกา พร้อมเปลี่ยนแบรนด์เป็นชื่อ ชาดา(JADA) ซึ่งมีแผนว่า จะพัฒนาแบรนด์ JADA นี้ เพื่อนำไปใส่ในโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่บริษัทจะเทคโอเวอร์ และรับบริหารจัดการในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ไป โดยยังไม่คิดลงเล่นแบรนด์ระดับ 3ดาว เพราะกำไรน้อย การแข่งขันเริ่มสูง โดยเฉพาะต้องแข่งกับเซอร์วิสอพาร์ทเมน ส่วนโรงแรม 4 ดาว ลูกค้าจะเลือกใช้บริการเชน มากกว่าระดับราคาห้องพักเฉลี่ยที่ กว่า 2,500 บาทต่อห้อง