ASTVผู้จัดการรายวัน-“อัยการ”ชี้หลักฐานดีเอสไอยังไม่เข้าเงื่อนไข ระบุ ยังไม่พบเหตุสมควรที่จะยื่นให้ถอนประกัน 7 แกนนำ นปช.ตามที่ร้องขอ แนะหากภายหลังดีเอสไอ ตรวจพบพฤติการณ์ใหม่ส่อจะขัดเงื่อนไขการประกันตัว ให้ยื่นมาให้พิจารณาใหม่ได้ ดีเอสไอ ส่งฟ้อง นปช.ขอนแก่น ขณะที่ลูกน้องเสธ.แดง มอบตัว เจอดีถูกผีห้องขังกองปราบหลอก "ทักษิณ"เจอกรรมติดวงล้อ! ฟ้องทนายดูบ ยักยอกเงินกว่า 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 3,000 ล้านบาท เป็นเงินได้จากขายสโมสรฟุตบอล"แมนเชสเตอร์ซิตี้" จำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วานนี้ (21 มี.ค.)นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวบรวมหลักฐานเสนอให้อัยการพิจารณา เพื่อยื่นคำร้องถอนประกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช., นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม จำเลยในคดีก่อการร้ายว่าอัยการได้พิจารณาเอกสารทั้งหมดแล้ว เห็นว่าหลักฐานของดีเอสไอ ยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแสดงว่าพฤติการณ์นั้นผิดเงื่อนไขที่ศาลอาญากำหนดไว้
“การพิจารณาว่าสมควรจะขอถอนประกันหรือไม่ ต้องดูว่าเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน รวมทั้งการผิดเงื่อนไขศาลหรือไม่ ซึ่งอัยการตรวจดูรายละเอียดเนื้อหาเงื่อนไขทั้งหมดที่ศาลแล้ว ยังไม่พบเหตุสมควรที่จะยื่น ทั้งนี้ หากภายหลังดีเอสไอตรวจพบพฤติการณ์ใหม่อย่างอื่นที่ส่อว่าจะขัดเงื่อนไขการประกันตัว ก็สามารถยื่นเรื่องมาให้อัยการพิจารณาใหม่ได้ แต่ถ้าดีเอสไอจะนำเรื่องไปยื่นต่อศาลเองนั้นคงต้องดูว่าก่อนหน้านี้ศาลได้พิจารณาไว้แล้วว่าการยื่นเป็นหน้าที่ของอัยการ อย่างไรก็ตาม อัยการจะได้ส่งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้ดีเอสไอทราบต่อไป”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช. โดยห้ามมิให้จำเลย กระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาญาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน จากนั้น ในวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา จำเลยทั้ง 7 แกนนำนปช.ได้ขึ้นปราศรัยร่วมกับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เห็นว่าการกระทำของกลุ่มจำเลยน่าจะผิดเงื่อนไขของศาล จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อถอนประกันเมื่อวันที่ 16 มี.ค. แต่ศาลได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 17 มี.ค. นายธาริต ได้ส่งให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำหลักฐานภาพข่าว รวมทั้งคลิปคำปราศรัยของแกนนำ นปช.บนเวทีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยื่นให้อัยการ เพื่อให้พิจารณาตามขั้นตอน แต่อัยการกลับเห็นว่าหลักฐานของดีเอสไอยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอ ที่จะแสดงว่าพฤติการณ์นั้นผิดเงื่อนไขที่ศาลอาญากำหนดไว้ และไม่ยื่นถอนประกันตามที่ดีเอสไอเสนอ
**ดีเอสไอส่งฟ้อง"นปช.ขอนแก่น
วันเดียวกัน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ ได้นำสำนวนคดีพิเศษ จำนวน 3 แฟ้ม พร้อมนำตัว นายบุญเฮียง แก้วยอด หรือ “ดีเจหนุ่มสภา” อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไผ่ ผู้ต้องหาคดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยกระทำการเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่ในการสั่งการในการมั่วสุม,เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ผู้กระทำความผิดไม่เลิกฯ, ร่วมกันกระทำการปิดกั้นทางหลวงหรือกระทำด้วยประการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล ให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้อง
ทั้งนี้ กรณีนายบุญเฮียงเป็นแกนนำกลุ่ม(นปช.)จ.ขอนแก่น จัดชุมนุมและปิดกั้นถนนตามสถานที่ต่างๆ ในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเดินทางไปรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพฯ รวม 3 ครั้ง ได้แก่ ปิดกั้นถนนมิตรภาพสกัดกั้นรถโดยสารของเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดค่าย ร.13 พัน.2 จังหวัดอุดรธานี จำนวน 3 คัน รวม 150 คน ไม่ให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดปัตตานี
2. การปิดกั้นถนนมิตรภาพ สกัดกั้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล สภ.โซ่พิสัย และ สภ.โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย รวม 30 คน ไม่ให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ มีการปล่อยลมยางรถยนต์ตำรวจเสียหาย
3 .ใช้รถยนต์เทรลเลอร์พ่วง 18 ล้อ รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ และใช้แผ่นป้ายโฆษณาและป้ายหาเสียงมากองปิดกั้นถนนมิตรภาพขาขึ้นและขาล่อง สกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ
โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้รับสำนวนไว้ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
**ผีห้องขังกองปราบหลอกลูกน้องเสธแดง
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 08.30 น.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ พนักงานสอบสวน (สบ2) กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังควบคุมตัว นายมงคล สารพัน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 7 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 396/53 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 ไปส่งศาลอาญาดำเนินคดี หลังผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเมื่อค่ำวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก ผู้ต้องหาร่วมกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กับพวกอีก 6 คนได้กระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และช่วยเหลือนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ เคทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีนำคลิปวิดีโอเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยกล่าวในคลิป เพื่อข่มขู่ให้ประชาชนตกใจกลัวเกี่ยวกับเหตุระเบิดต่างๆ ไม่ให้ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2553 หลังจับกุมตำรวจได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปพลัดฟ้องฝากขังต่อศาล ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อถึงวันนัดรายงานตัว นายมงคลกลับไม่มารายงานตัวศาลจึงออกหมายจับไว้
สอบสวนผู้ต้องหา รับว่า หลบหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ต้องอยู่ไปวันๆจึงเปลี่ยนใจยอมเข้ามอบตัว
ทั้งนี้ นายมงคลยังเล่าถึงช่วงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังกองปราบปรามว่า นอนอยู่ในห้องขังเพียงคนเดียว ช่วงที่หลับไปก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนมาดึงขา เมื่อลืมตาดูก็ถึงตกใจเพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่กางเกงสีแดง ไม่สวมเสื้อกำลังดึงขาตนอยู่จึงตะโกนร้องเรียกให้ตำรวจมาช่วย หลังจากนั้นก็เหมือนจะไม่มีอะไรแล้วจึงพยายามข่มตาหลับแต่เมื่อหลับไปได้สักพักก็ถูกดึงขาอีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้งจึงขอร้องตำรวจมานั่งเป็นเพื่อนจนถึงเช้า
***เวรกรรมมีจริง!แม้วถูกยักยอก 2.9 พันล.
สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ในฐานะเจ้าของบริษัท ยูเค สปอร์ตส์ อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ต หรือ "ยูเคเอสไอแอล" ได้ยื่นฟ้องนายคาลีด อัล-มูไฮรี ทนายความชาวดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อายุ 45 ปี ในข้อหายักยอกเงินจากบัญชี พร้อมขอให้ศาลพิพากษาให้นายคาลีด ชดใช้เป็นเงิน 441 ล้านดีแรมยูเออี (ประมาณ 3,570 ล้านบาท) โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา นายคาลีดได้ให้การต่อศาลดูไบ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
รายงานข่าวระบุ นายคาลีดเป็นหุ้นส่วนของบริษัทแห่งหนึ่งในดูไบ ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในทางมิชอบ พยายามฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร หลังจากพนักงานอัยการกล่าวหาว่า นายคาลีดยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ว่าจ้างให้บริษัทของนายคาลีดดูแลด้านกฎหมายเมื่อปี 2552 เป็นจำนวนเงิน 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,870 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,910 ล้านบาท) และเป็นเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้จากการขายสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทีมฟุตบอลชื่อดังในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ให้กับกลุ่มอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ฟอร์ ดีเวลลอปเมนต์ หรือ "เอดียูจี" กลุ่มทุนทางธุรกิจจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2551.
วานนี้ (21 มี.ค.)นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวบรวมหลักฐานเสนอให้อัยการพิจารณา เพื่อยื่นคำร้องถอนประกันนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช., นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม จำเลยในคดีก่อการร้ายว่าอัยการได้พิจารณาเอกสารทั้งหมดแล้ว เห็นว่าหลักฐานของดีเอสไอ ยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแสดงว่าพฤติการณ์นั้นผิดเงื่อนไขที่ศาลอาญากำหนดไว้
“การพิจารณาว่าสมควรจะขอถอนประกันหรือไม่ ต้องดูว่าเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน รวมทั้งการผิดเงื่อนไขศาลหรือไม่ ซึ่งอัยการตรวจดูรายละเอียดเนื้อหาเงื่อนไขทั้งหมดที่ศาลแล้ว ยังไม่พบเหตุสมควรที่จะยื่น ทั้งนี้ หากภายหลังดีเอสไอตรวจพบพฤติการณ์ใหม่อย่างอื่นที่ส่อว่าจะขัดเงื่อนไขการประกันตัว ก็สามารถยื่นเรื่องมาให้อัยการพิจารณาใหม่ได้ แต่ถ้าดีเอสไอจะนำเรื่องไปยื่นต่อศาลเองนั้นคงต้องดูว่าก่อนหน้านี้ศาลได้พิจารณาไว้แล้วว่าการยื่นเป็นหน้าที่ของอัยการ อย่างไรก็ตาม อัยการจะได้ส่งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้ดีเอสไอทราบต่อไป”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช. โดยห้ามมิให้จำเลย กระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาญาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน จากนั้น ในวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา จำเลยทั้ง 7 แกนนำนปช.ได้ขึ้นปราศรัยร่วมกับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เห็นว่าการกระทำของกลุ่มจำเลยน่าจะผิดเงื่อนไขของศาล จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อถอนประกันเมื่อวันที่ 16 มี.ค. แต่ศาลได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 17 มี.ค. นายธาริต ได้ส่งให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำหลักฐานภาพข่าว รวมทั้งคลิปคำปราศรัยของแกนนำ นปช.บนเวทีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยื่นให้อัยการ เพื่อให้พิจารณาตามขั้นตอน แต่อัยการกลับเห็นว่าหลักฐานของดีเอสไอยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอ ที่จะแสดงว่าพฤติการณ์นั้นผิดเงื่อนไขที่ศาลอาญากำหนดไว้ และไม่ยื่นถอนประกันตามที่ดีเอสไอเสนอ
**ดีเอสไอส่งฟ้อง"นปช.ขอนแก่น
วันเดียวกัน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ ได้นำสำนวนคดีพิเศษ จำนวน 3 แฟ้ม พร้อมนำตัว นายบุญเฮียง แก้วยอด หรือ “ดีเจหนุ่มสภา” อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไผ่ ผู้ต้องหาคดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยกระทำการเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่ในการสั่งการในการมั่วสุม,เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ผู้กระทำความผิดไม่เลิกฯ, ร่วมกันกระทำการปิดกั้นทางหลวงหรือกระทำด้วยประการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล ให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้อง
ทั้งนี้ กรณีนายบุญเฮียงเป็นแกนนำกลุ่ม(นปช.)จ.ขอนแก่น จัดชุมนุมและปิดกั้นถนนตามสถานที่ต่างๆ ในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเดินทางไปรักษาความสงบเรียบร้อยที่กรุงเทพฯ รวม 3 ครั้ง ได้แก่ ปิดกั้นถนนมิตรภาพสกัดกั้นรถโดยสารของเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดค่าย ร.13 พัน.2 จังหวัดอุดรธานี จำนวน 3 คัน รวม 150 คน ไม่ให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดปัตตานี
2. การปิดกั้นถนนมิตรภาพ สกัดกั้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล สภ.โซ่พิสัย และ สภ.โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย รวม 30 คน ไม่ให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ มีการปล่อยลมยางรถยนต์ตำรวจเสียหาย
3 .ใช้รถยนต์เทรลเลอร์พ่วง 18 ล้อ รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ และใช้แผ่นป้ายโฆษณาและป้ายหาเสียงมากองปิดกั้นถนนมิตรภาพขาขึ้นและขาล่อง สกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ
โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้รับสำนวนไว้ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
**ผีห้องขังกองปราบหลอกลูกน้องเสธแดง
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 08.30 น.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ พนักงานสอบสวน (สบ2) กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังควบคุมตัว นายมงคล สารพัน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 7 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 396/53 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 ไปส่งศาลอาญาดำเนินคดี หลังผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเมื่อค่ำวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก ผู้ต้องหาร่วมกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กับพวกอีก 6 คนได้กระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และช่วยเหลือนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ เคทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีนำคลิปวิดีโอเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยกล่าวในคลิป เพื่อข่มขู่ให้ประชาชนตกใจกลัวเกี่ยวกับเหตุระเบิดต่างๆ ไม่ให้ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2553 หลังจับกุมตำรวจได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปพลัดฟ้องฝากขังต่อศาล ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อถึงวันนัดรายงานตัว นายมงคลกลับไม่มารายงานตัวศาลจึงออกหมายจับไว้
สอบสวนผู้ต้องหา รับว่า หลบหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ต้องอยู่ไปวันๆจึงเปลี่ยนใจยอมเข้ามอบตัว
ทั้งนี้ นายมงคลยังเล่าถึงช่วงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังกองปราบปรามว่า นอนอยู่ในห้องขังเพียงคนเดียว ช่วงที่หลับไปก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนมาดึงขา เมื่อลืมตาดูก็ถึงตกใจเพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่กางเกงสีแดง ไม่สวมเสื้อกำลังดึงขาตนอยู่จึงตะโกนร้องเรียกให้ตำรวจมาช่วย หลังจากนั้นก็เหมือนจะไม่มีอะไรแล้วจึงพยายามข่มตาหลับแต่เมื่อหลับไปได้สักพักก็ถูกดึงขาอีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้งจึงขอร้องตำรวจมานั่งเป็นเพื่อนจนถึงเช้า
***เวรกรรมมีจริง!แม้วถูกยักยอก 2.9 พันล.
สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ในฐานะเจ้าของบริษัท ยูเค สปอร์ตส์ อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ต หรือ "ยูเคเอสไอแอล" ได้ยื่นฟ้องนายคาลีด อัล-มูไฮรี ทนายความชาวดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อายุ 45 ปี ในข้อหายักยอกเงินจากบัญชี พร้อมขอให้ศาลพิพากษาให้นายคาลีด ชดใช้เป็นเงิน 441 ล้านดีแรมยูเออี (ประมาณ 3,570 ล้านบาท) โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา นายคาลีดได้ให้การต่อศาลดูไบ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
รายงานข่าวระบุ นายคาลีดเป็นหุ้นส่วนของบริษัทแห่งหนึ่งในดูไบ ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในทางมิชอบ พยายามฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร หลังจากพนักงานอัยการกล่าวหาว่า นายคาลีดยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ว่าจ้างให้บริษัทของนายคาลีดดูแลด้านกฎหมายเมื่อปี 2552 เป็นจำนวนเงิน 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,870 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,910 ล้านบาท) และเป็นเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้จากการขายสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทีมฟุตบอลชื่อดังในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ให้กับกลุ่มอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ฟอร์ ดีเวลลอปเมนต์ หรือ "เอดียูจี" กลุ่มทุนทางธุรกิจจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2551.