ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.สั่งให้แบงก์ยกเลิกธุรกรรมเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝง พร้อมยืนยันเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงและตั๋วแลกเงินไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝากที่จะใช้ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ พร้อมปราบแบงก์หยุดดึงผลตอบแทนเงินฝากที่สูงสุดเฉพาะบางช่วงมาจูงใจลูกค้า และให้ชี้แจงผลตอบแทนเงินฝากแท้จริงเป็นรายปีและตลอดอายุโครงการ ระบุเพื่อความโปร่งใสให้ลูกค้าเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์กับแบงก์อื่นได้
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ลงนามในประกาศให้แก่สถาบันการเงินทุกแห่งเข้าใจตรงกันถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดด้านการระดมเงินฝาก เพื่อให้ผู้ฝากเงินได้รับข้อมูลผลตอบแทนที่เป็นธรรมและมีความโปร่งใส ขณะเดียวกันชี้แจงเงินฝากบางประเภทที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของสถาบันคุ้มครองเงินฝากซึ่งในวันที่ 11 ส.ค.นี้ จะเริ่มลดการคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 50 ล้านบาท จึงเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกค้าเงินฝากเกิดความสับสน
โดยประกาศดังกล่าว ธปท.ได้ยืนยันว่าในกฎหมายคุ้มครองเงินฝากจะไม่คุ้มครองตั๋วแลกเงินและเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงทุกประเภท อีกทั้งธปท.จะไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิย์ทำธุรกรรมเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงอีกต่อไป ทั้งนี้ ธุรกรรมใดที่ได้ทำก่อนวันที่ 17 มี.ค.54 ให้ธนาคารพาณิชย์คงธุรรรมดังกล่าวไว้จนครบอายุสัญญา ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2ของธปท.จะออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้สอดคล้องธุรกรรมดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงสามารถระดมเงินผ่านเงินกู้ยืมที่ไม่ใช่เงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงได้อยู่
นอกจากนี้ ในกรณีที่สถาบันการเงินต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบขั้นบันได สถาบันการเงินจะต้องประกาศอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นรายปีให้ลูกค้ารับทราบตลอดอายุธุรกรรมนั้น หลังจากช่วงที่ผ่านมามีประชาชนร้องเรียนเข้ามามากว่าสถาบันการเงินบางแห่งประกาศเฉพาะอัตราผลตอบแทนที่สูงสุดในบางช่วง เพื่อเป็นการจูงใจให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมา อีกทั้งในการจัดกิจกรรมทางการตลาดของสถาบันการเงินก็ควรมีเปิดเผยข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเป็นรายปี เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนกับสถาบันการเงินอื่นได้
"หากไม่ได้ให้ผลตอบแทนกับผู้ฝากเงินทุกราย และสถาบันการเงินไม่สามารถเปิดเผยเป็นผลตอบแทนที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าข่ายเป็นการพนันก็ตาม ธปท.ก็ไม่สนับสนุนให้สถาบันการเงินจัดกิจกรรมทางการตลาดดังกล่าว"
ดังนั้น ธปท.จะไม่สนับสนุนให้สถาบันการเงินแจกเงินหรือทรัพย์สินอื่นนอกจากดอกเบี้ย ยกเว้นเป็นการให้ของกำนัลแก่ลูกค้าในโอกาสอันเป็นประเพณีนิยมที่ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไป ซึ่งของกำนัลดังกล่าวลูกค้าทุกรายที่เข้าเงื่อนไขควรได้รับเท่าเทียมกัน อีกทั้งธปท.ไม่สนับสนุนให้มีการจัดรายการชิงโชคหรือจับฉลากให้แก่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ลงนามในประกาศให้แก่สถาบันการเงินทุกแห่งเข้าใจตรงกันถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดด้านการระดมเงินฝาก เพื่อให้ผู้ฝากเงินได้รับข้อมูลผลตอบแทนที่เป็นธรรมและมีความโปร่งใส ขณะเดียวกันชี้แจงเงินฝากบางประเภทที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของสถาบันคุ้มครองเงินฝากซึ่งในวันที่ 11 ส.ค.นี้ จะเริ่มลดการคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 50 ล้านบาท จึงเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกค้าเงินฝากเกิดความสับสน
โดยประกาศดังกล่าว ธปท.ได้ยืนยันว่าในกฎหมายคุ้มครองเงินฝากจะไม่คุ้มครองตั๋วแลกเงินและเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงทุกประเภท อีกทั้งธปท.จะไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิย์ทำธุรกรรมเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงอีกต่อไป ทั้งนี้ ธุรกรรมใดที่ได้ทำก่อนวันที่ 17 มี.ค.54 ให้ธนาคารพาณิชย์คงธุรรรมดังกล่าวไว้จนครบอายุสัญญา ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2ของธปท.จะออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้สอดคล้องธุรกรรมดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงสามารถระดมเงินผ่านเงินกู้ยืมที่ไม่ใช่เงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝงได้อยู่
นอกจากนี้ ในกรณีที่สถาบันการเงินต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบขั้นบันได สถาบันการเงินจะต้องประกาศอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นรายปีให้ลูกค้ารับทราบตลอดอายุธุรกรรมนั้น หลังจากช่วงที่ผ่านมามีประชาชนร้องเรียนเข้ามามากว่าสถาบันการเงินบางแห่งประกาศเฉพาะอัตราผลตอบแทนที่สูงสุดในบางช่วง เพื่อเป็นการจูงใจให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมา อีกทั้งในการจัดกิจกรรมทางการตลาดของสถาบันการเงินก็ควรมีเปิดเผยข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเป็นรายปี เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนกับสถาบันการเงินอื่นได้
"หากไม่ได้ให้ผลตอบแทนกับผู้ฝากเงินทุกราย และสถาบันการเงินไม่สามารถเปิดเผยเป็นผลตอบแทนที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าข่ายเป็นการพนันก็ตาม ธปท.ก็ไม่สนับสนุนให้สถาบันการเงินจัดกิจกรรมทางการตลาดดังกล่าว"
ดังนั้น ธปท.จะไม่สนับสนุนให้สถาบันการเงินแจกเงินหรือทรัพย์สินอื่นนอกจากดอกเบี้ย ยกเว้นเป็นการให้ของกำนัลแก่ลูกค้าในโอกาสอันเป็นประเพณีนิยมที่ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไป ซึ่งของกำนัลดังกล่าวลูกค้าทุกรายที่เข้าเงื่อนไขควรได้รับเท่าเทียมกัน อีกทั้งธปท.ไม่สนับสนุนให้มีการจัดรายการชิงโชคหรือจับฉลากให้แก่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
