นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับการทุจริตในกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที. เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะทำงานพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถให้ความไว้วางใจนายจุติ ไกรฤกษ์ ให้ดำรงตำแหน่งรมว.ไอซีที.ได้อีกต่อไป เพราะบุคคลคนนี้ไม่สามารถควบคุมกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) เพราะปล่อยให้มีการทำสัญญาเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยการนำเอาคลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรของชาติ ไปให้กลุ่มทรูฯใช้โดยไม่ต้องมีการประมูล ส่งผลให้กลุ่มทรูฯ ได้กำไรเกือบ 3 แสนล้านบาท ในขณะที่ กสทช. ต้องสูญเสียค่าธรรมเนียมที่ควรได้ไปถึง 6 หมื่นกว่าล้าน และที่สำคัญประชาชนต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ 3G
นายวิม กล่าวต่อว่า การที่นายจุติปล่อยให้บริษัททรูฯ ได้สัมปทานบริการโทรศัพท์ระบบ 3G ไปอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดข้อกังขาว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ผิดหลักธรรมาภิบาล เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่า คุณพ่อของนายอภิสิทธิ์ คือ นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบอร์ดของบริษัทในกลุ่มซีพีเอฟ ในขณะที่นายวิทยา เวชชาชีวะ ซึ่งมีฐานะเป็นอาของนายกรัฐมนตรี ก็เป็นบอร์ดบริษัทในทรูฯ เช่นกัน ดังนั้นการได้สัมปทานของบริษัททรูฯ ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายกรัฐมนตรี มีคุณพ่อ และคุณอา นั่งเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ และได้ไปซึ่งสัมปทาน 3G แต่เพียงผู้เดียวนั้น ขัดต่อกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล ขัดกันซึ่งผลประโยชน์ (conflict of interest) หรือไม่ และการที่กลุ่มทรูฯ ได้ไปซึ่งสัญญา 3G นี้ เป็นเพราะกสท. เกิดความเอนเอียงเนื่องจากคู่สัญญามีพ่อ และอา เป็นบอร์ดอยู่ด้วยหรือไม่
นายวิม กล่าวต่อว่า การที่นายจุติปล่อยให้บริษัททรูฯ ได้สัมปทานบริการโทรศัพท์ระบบ 3G ไปอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดข้อกังขาว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ผิดหลักธรรมาภิบาล เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่า คุณพ่อของนายอภิสิทธิ์ คือ นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบอร์ดของบริษัทในกลุ่มซีพีเอฟ ในขณะที่นายวิทยา เวชชาชีวะ ซึ่งมีฐานะเป็นอาของนายกรัฐมนตรี ก็เป็นบอร์ดบริษัทในทรูฯ เช่นกัน ดังนั้นการได้สัมปทานของบริษัททรูฯ ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายกรัฐมนตรี มีคุณพ่อ และคุณอา นั่งเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ และได้ไปซึ่งสัมปทาน 3G แต่เพียงผู้เดียวนั้น ขัดต่อกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล ขัดกันซึ่งผลประโยชน์ (conflict of interest) หรือไม่ และการที่กลุ่มทรูฯ ได้ไปซึ่งสัญญา 3G นี้ เป็นเพราะกสท. เกิดความเอนเอียงเนื่องจากคู่สัญญามีพ่อ และอา เป็นบอร์ดอยู่ด้วยหรือไม่
