ASTVผู้จัดการรายวัน – แพรนด้าฯชี้ยอดส่งออกเครื่องประดับในช่วง 2 เดือนแรกนี้ดีและตลาดในประเทศโต 20% มั่นใจไตรมาส1/54รายได้ใกล้เคียงปีก่อน 1 พันล้านบาท ยันไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น เหตุส่งออกไปญี่ปุ่นเพียง 2-3% และลูกค้าส่วนใหญ่อยู่โตเกียวและโอซาก้า ลั่นทั้งปีผลดำเนินงานโต 8%ตามเป้าหมาย
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA)เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ที่โตเกียวและโอซาก้า แต่ในระยะยาวอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากบริษัทส่งออกเครื่องประดับไปญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนเพียง2-3%ของรายได้รวม เนื่องจากช่วง3-5ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้เครื่องประดับญี่ปุ่นเปลี่ยนไปใช้เครื่องประดับที่ราคาแพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายการเติบโตรายได้อยู่ที่ 4,380 ล้านบาท โตขึ้น 8%จากปีก่อน มาจากการขยายตลาดเป้าหมายทั้งสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ และแบรนด์ลูกค้า แม้ว่าปีนี้จะมีความเสี่ยงจากราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนจากปัจจัยความไม่สงบในตะวันออกกลางก็ตาม แต่บริษัทได้กระจายความเสี่ยงจากการทำตลาดไปยังสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน
อินเดีย และรัสเซีย โดยไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง รวมทั้งมีการทำตลาดแบรนด์ตัวเองมากขึ้น
โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯคาดว่ามีรายได้ใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,017 ล้านบาท โดยการส่งออกช่วง 2เดือนแรกปีนี้ยังไปได้ดี แผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯวางงบลงทุนรวม 230 ล้านบาท ใช้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการขยายตลาดที่อินเดียและจีนรวม 100 ล้านบาท ปรับปรุงและซื้อเครื่องจักรใหม่ 80 ล้านบาท และใช้ก่อสร้างอาคารใหม่ที่มีมูลค่าเงินลงทุน 200 ล้านบาท โดยจะลงทุนจากกระแสเงินสด 50 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกู้ยืม
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA)เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ที่โตเกียวและโอซาก้า แต่ในระยะยาวอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากบริษัทส่งออกเครื่องประดับไปญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนเพียง2-3%ของรายได้รวม เนื่องจากช่วง3-5ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้เครื่องประดับญี่ปุ่นเปลี่ยนไปใช้เครื่องประดับที่ราคาแพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายการเติบโตรายได้อยู่ที่ 4,380 ล้านบาท โตขึ้น 8%จากปีก่อน มาจากการขยายตลาดเป้าหมายทั้งสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ และแบรนด์ลูกค้า แม้ว่าปีนี้จะมีความเสี่ยงจากราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนจากปัจจัยความไม่สงบในตะวันออกกลางก็ตาม แต่บริษัทได้กระจายความเสี่ยงจากการทำตลาดไปยังสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน
อินเดีย และรัสเซีย โดยไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง รวมทั้งมีการทำตลาดแบรนด์ตัวเองมากขึ้น
โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯคาดว่ามีรายได้ใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,017 ล้านบาท โดยการส่งออกช่วง 2เดือนแรกปีนี้ยังไปได้ดี แผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯวางงบลงทุนรวม 230 ล้านบาท ใช้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการขยายตลาดที่อินเดียและจีนรวม 100 ล้านบาท ปรับปรุงและซื้อเครื่องจักรใหม่ 80 ล้านบาท และใช้ก่อสร้างอาคารใหม่ที่มีมูลค่าเงินลงทุน 200 ล้านบาท โดยจะลงทุนจากกระแสเงินสด 50 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการกู้ยืม