พิจิตร - ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลกเร่งลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ชาวนา หลังพบแมลงบั่วระบาด,โรคถอดฝักดาบ , เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล รุนแรงในหลายพื้นที่ของภาคเหนือตอนล่าง ไล่ตั้งแต่อุตรดิตถ์ พิจิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากชาวนาพิจิตร และอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง จะต้องผจญกับปัญหาพันธุ์ข้าวปลอมปนที่วางขายกันเกลื่อนแล้ว ขณะนี้ชาวนาพิจิตร ยังต้องเจอกับปัญหาโรคระบาดในนาข้าวอย่างหนัก
นางวิไล ปาละวิสุทธิ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เปิดเผยถึงสถานการณ์หลังพบโรคระบาดสารพัดชนิดที่เกิดขึ้นกับนาข้าวของชาวนาพิจิตร รวมถึงนาข้าวของชาวนาในภาคเหนือตอนล่าง ทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลพบุรี ว่า ขณะนี้พบโรคแมลงบั่ว ซึ่งลำตัวมีลักษณะคล้ายยุง ตัวสีส้ม ขาจะยาวกว่ายุงออกทำลายกัดกินต้นข้าว ซึ่งถ้าเกิดแล้วยากแก่การกำจัดต้องใช้วิธีตัดไฟก่อนตั้งแต่ต้นลม นั่นคือ จะสังเกตเห็นตอนกลางคืนแมลงบั่ว จะออกมาเล่นไฟเป็นจำนวนมาก ก็ต้องให้เร่งฉีดสารเคมีกำจัด
นอกจากนี้ยังพบโรค “ถอดฝักดาบ” ที่มีลักษณะมองผิวเผินคล้ายข้าวดีด แต่ลำต้นจะผอมสูงสีซีด ขณะนี้เกิดระบาดขึ้นแล้วยากแก่การกำจัด ทำได้เพียงใช้แรงงานคนลงไปถอนต้นข้าวที่ติดโรคนี้ แล้วต้องนำไปเผาทิ้งเท่านั้น เพราะโรค “ถอดฝักดาบ” เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่มากับพันธุ์ข้าวด้อยคุณภาพ และสามารถฟักตัวอยู่ได้ในพื้นดิน ล่าสุดขณะนี้สร้างความเสียหายให้แก่นาข้าวของชาวนาภาคเหนือตอนล่างแล้วหลายหมื่นไร่
สำหรับแนวทางแก้ไข ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลกได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้เร่งส่งนักวิชาการลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชาวนาถึงวิธีการสังเกตการณ์เกิดโรคระบาดต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้สารเคมีที่ถูกต้องในการกำจัดและป้องกันโรคระบาดในนาข้าวทั้งสองโรคนี้
นักวิชาการข้าว ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ยอมรับว่า โรคแมลงบั่ว และโรคถอดฝักดาบ มีความร้ายแรงและมีอำนาจการทำลายนาข้าวได้รุนแรงกว่าโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพราะถ้าพบแล้วดำเนินการล่าช้า หรือ ไม่ถูกวิธี เพียงแค่ 10-15 วัน ก็จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งท้องทุ่ง ซึ่งขณะนี้ปรากฏในหลายพื้นที่ จนหมดทางที่จะเยียวยา ต้องจุดไฟเผานาข้าวทิ้งสถานเดียว มิเช่นนั้นเอาไม่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากชาวนาพิจิตร และอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง จะต้องผจญกับปัญหาพันธุ์ข้าวปลอมปนที่วางขายกันเกลื่อนแล้ว ขณะนี้ชาวนาพิจิตร ยังต้องเจอกับปัญหาโรคระบาดในนาข้าวอย่างหนัก
นางวิไล ปาละวิสุทธิ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เปิดเผยถึงสถานการณ์หลังพบโรคระบาดสารพัดชนิดที่เกิดขึ้นกับนาข้าวของชาวนาพิจิตร รวมถึงนาข้าวของชาวนาในภาคเหนือตอนล่าง ทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลพบุรี ว่า ขณะนี้พบโรคแมลงบั่ว ซึ่งลำตัวมีลักษณะคล้ายยุง ตัวสีส้ม ขาจะยาวกว่ายุงออกทำลายกัดกินต้นข้าว ซึ่งถ้าเกิดแล้วยากแก่การกำจัดต้องใช้วิธีตัดไฟก่อนตั้งแต่ต้นลม นั่นคือ จะสังเกตเห็นตอนกลางคืนแมลงบั่ว จะออกมาเล่นไฟเป็นจำนวนมาก ก็ต้องให้เร่งฉีดสารเคมีกำจัด
นอกจากนี้ยังพบโรค “ถอดฝักดาบ” ที่มีลักษณะมองผิวเผินคล้ายข้าวดีด แต่ลำต้นจะผอมสูงสีซีด ขณะนี้เกิดระบาดขึ้นแล้วยากแก่การกำจัด ทำได้เพียงใช้แรงงานคนลงไปถอนต้นข้าวที่ติดโรคนี้ แล้วต้องนำไปเผาทิ้งเท่านั้น เพราะโรค “ถอดฝักดาบ” เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่มากับพันธุ์ข้าวด้อยคุณภาพ และสามารถฟักตัวอยู่ได้ในพื้นดิน ล่าสุดขณะนี้สร้างความเสียหายให้แก่นาข้าวของชาวนาภาคเหนือตอนล่างแล้วหลายหมื่นไร่
สำหรับแนวทางแก้ไข ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลกได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ได้เร่งส่งนักวิชาการลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชาวนาถึงวิธีการสังเกตการณ์เกิดโรคระบาดต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้สารเคมีที่ถูกต้องในการกำจัดและป้องกันโรคระบาดในนาข้าวทั้งสองโรคนี้
นักวิชาการข้าว ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ยอมรับว่า โรคแมลงบั่ว และโรคถอดฝักดาบ มีความร้ายแรงและมีอำนาจการทำลายนาข้าวได้รุนแรงกว่าโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพราะถ้าพบแล้วดำเนินการล่าช้า หรือ ไม่ถูกวิธี เพียงแค่ 10-15 วัน ก็จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งท้องทุ่ง ซึ่งขณะนี้ปรากฏในหลายพื้นที่ จนหมดทางที่จะเยียวยา ต้องจุดไฟเผานาข้าวทิ้งสถานเดียว มิเช่นนั้นเอาไม่อยู่
