อุบลราชธานี - ครอบครัวนักวิจัยด้านพลังงานชาวไทย ที่ไปทำงานในญี่ปุ่น เล่านาทีระทึก! แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ส่วนสาเหตุกลับบ้านเกิด เพราะเกรงมหันตภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่กำลังทยอยระเบิดตัวเอง เพราะระบบนิรภัยไม่ทำงาน วอนรัฐบาลไทยดูญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง แม้ได้ชื่อเป็นประเทศที่มีระบบป้องกันภัยดีในระดับต้นของโลก ยังรับมือกับมหันตภัยนิวเคลียร์ไม่ไหว จี้ยกเลิกโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทยอย่างถาวร
วานนี้(15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องผู้โดยสารขาออกสนามบินนานาชาติ จ.อุบลราชธานี ผศ.ดร.ชมพูนุท โมราชาติ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และญาติได้มารอรับ นางสิริชนม์ โมราชาติ บุตรสาว และ ด.ญ.สิริวัฒนา จันทนาคม หลานสาว ซึ่งเดินทางกลับจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถึงประเทศไทยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา และต่อเครื่องบินภายในประเทศกลับมาบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ทันที
เมื่อ ด.ญ.สิริวัฒนา เห็น ผศ.ดร.ชมพูนุท ซึ่งมารอรับอยู่ด้านนอกอาคารห้องผู้โดยสารก็ได้วิ่งเข้ามาโผกอดผู้เป็นยาย พร้อมขอกินข้าวเหนียวไก่ย่าง อาหารโปรดที่โทรศัพท์ให้ ผศ.ดร.ชมพูนุทเตรียมมาให้เป็นอาหารเช้า เนื่องจากตั้งแต่เดินทางมาถึงประเทศไทย ยังไม่ได้กินอะไรเลย
ขณะที่นางสิริชนม์ ที่หนีภัยแผ่นดินไหว และการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น ต้องหัวเสียอีกครั้ง เมื่อสายการบินทำกระเป๋าเดินทางของเธอและลูกตกหล่นอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และให้กลับมารับในเที่ยวบินต่อไปในช่วงเย็นวันเดียวกัน
นางสิริชนม์เล่าว่า ตนได้เดินทางตามสามีชาวไทย ที่เป็นนักวิจัยด้านพลังงานให้แก่บริษัทเอกชนของญี่ปุ่น และพักอยู่ในเขตนิชิโอจิมะ กรุงโตเกียว นานประมาณ 2 ปี ระหว่างอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น การเกิดแผ่นดินไหวถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อวันศุกร์(11 มี.ค.)ที่ผ่านมา นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุด เพราะมีการสั่นไหวอยู่นานกว่า 10 นาที กระทั่งต้องยกมือขึ้นสวดมนต์ไหว้ขอให้พระคุ้มครอง
เมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสงบนิ่ง จึงวิ่งหลบหนีลงมารวมอยู่กับคนอื่นที่ถนน ขณะนั้นเกิดความวุ่นวายมาก และเห็นคนออกมาออกันอยู่นอกตัวอาคารจำนวนมาก การติดต่อสื่อสารภายในประเทศทำไม่ได้ รู้สึกเป็นห่วงลูกที่ไปเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนนานาชาติ เพราะโทรศัพท์หาครูพี่เลี้ยงไม่ได้ กระทั่งตกเย็นจึงได้มาพบกันทั้งครอบครัว
นางสิริชนม์บอกสาเหตุที่ตัดสินใจอพยพครอบครัวออกจากประเทศญี่ปุ่น ว่า เพราะไม่มีความแน่นอนด้านสวัสดิภาพ เกิดอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันกลางคืน และเมื่อเกิดการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฟูกูชิมะ ทางการญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน สามีจึงขอบริษัทเดินทางกลับมาประจำอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพราะแม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดการระเบิดอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 260 กิโลเมตร(กม.) แต่ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองโตไก อยู่ห่างกรุงโตเกียวไปเพียง 120 กม. และที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ กำลังเริ่มมีปัญหาจากอาฟเตอร์ช็อกที่มีความถี่ยิ่งขึ้น จึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยทันที
นางสิริชนม์ยังกล่าวอีกว่า นอกจากตนแล้วยังมีคนไทยที่ตกค้างอยู่อีกส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ เพราะหาตั๋วเครื่องบินไม่ได้ เนื่องจากตั๋วมีราคาแพงขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว พร้อมฝากให้ผู้ที่คิดจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ทบทวนความคิดเสียใหม่ เพราะประเทศญี่ปุ่นได้ชื่อเรื่องมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับต้นของโลก ยังรับมือกับภัยชนิดนี้ไม่ไหว ส่วนการจะเดินทางกลับไปประเทศญี่ปุ่นอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่คิด
ด้าน ผศ.ดร.ชมพูนุท โมราชาติ มารดานางสิริชนม์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ติดตามข่าวการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นระยะๆ เพราะเกรงว่าถ้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โรงที่ 2 เกิดระเบิดขึ้นอีก เกรงสนามบินไม่อนุญาตให้เครื่องบินของลูกสาว ลูกเขย และหลานบินกลับประเทศไทย แต่เมื่อทราบลูกสาวเดินทางออกมาจากประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก หายเครียดไปทันที จึงเตรียมข้าวเหนียว ไก่ย่างมารับขวัญหลานสาวในวันนี้