ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือเรียกร้องรัฐบาลไทย หยุดสร้างเขื่อนใหญ่ทั้งแก่งเสือเต้น-แม่วงก์-โปร่งขุนเพชร-ท่าแซะ-รับร่อ-เขื่อนลำโดมใหญ่ ฯลฯ เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูล-ราษีไศล พร้อมจี้ยุติเขื่อนกั้นน้ำโขง-สาละวินด่วน ยกบทเรียนเขื่อนโขงจีน ทำประเทศท้ายน้ำอ่วมถ้วนหน้า
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันสัญลักษณ์ของการหยุดเขื่อนโลก วานนี้ (14 มี.ค.) เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ - เร่งเยียวยาผู้เดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนทั่วโลก หยุดการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ พร้อมกับให้รัฐบาลทั่วโลก ตระหนักถึงผลกระทบและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชน รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ซึ่งเป็นองค์กรชาวบ้านที่รวมตัวกันเพื่อปกป้อง รักษา และฟื้นฟู ดิน น้ำ ป่า ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ได้สรุปบทเรียนและเห็นถึงหายนภัยที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมทั้งเขื่อนในประเทศไทย ได้สร้างปัญหาให้แก่ดิน น้ำ ป่า ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก บทเรียนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วโลก ทำให้เห็นว่า ยุคของการสร้างเขื่อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และต้องบอกับรัฐบาลให้ตระหนักถึงภัยจากเขื่อน
เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ยังระบุอีกว่า สำหรับประเทศไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยเฉพาะเขื่อนแก่งเสือเต้น จ.แพร่, เขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์, เขื่อนโปร่งขุนเพชร จ.ชัยภูมิ, เขื่อนท่าแซะ เขื่อนรับร่อ จ.ชุมพร, เขื่อนลำโดมใหญ่ จ.อุบลราชธานี เป็นต้น และขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย แสดงความรับผิดชอบรวมทั้งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมา เช่น เขื่อนปากมูล จ.อุบลราชธานี, เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการผลักดันการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ อันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและชุมชน เป็นอย่างมาก
โดยชี้ให้เห็นถึงบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง เขตจีน ว่า ก่อให้เกิดปัญหากับประเทศท้ายน้ำอย่างประเทศไทย ลาว เขมร เวียดนาม อย่างชัดเจนมาแล้ว รัฐบาลไทยจึงควรยุติการสนับสนุนและหยุดผลักดันเขื่อนในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวินอย่างเด็ดขาด
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันสัญลักษณ์ของการหยุดเขื่อนโลก วานนี้ (14 มี.ค.) เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ - เร่งเยียวยาผู้เดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนทั่วโลก หยุดการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ พร้อมกับให้รัฐบาลทั่วโลก ตระหนักถึงผลกระทบและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชน รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ซึ่งเป็นองค์กรชาวบ้านที่รวมตัวกันเพื่อปกป้อง รักษา และฟื้นฟู ดิน น้ำ ป่า ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ได้สรุปบทเรียนและเห็นถึงหายนภัยที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมทั้งเขื่อนในประเทศไทย ได้สร้างปัญหาให้แก่ดิน น้ำ ป่า ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก บทเรียนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วโลก ทำให้เห็นว่า ยุคของการสร้างเขื่อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และต้องบอกับรัฐบาลให้ตระหนักถึงภัยจากเขื่อน
เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ยังระบุอีกว่า สำหรับประเทศไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยเฉพาะเขื่อนแก่งเสือเต้น จ.แพร่, เขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์, เขื่อนโปร่งขุนเพชร จ.ชัยภูมิ, เขื่อนท่าแซะ เขื่อนรับร่อ จ.ชุมพร, เขื่อนลำโดมใหญ่ จ.อุบลราชธานี เป็นต้น และขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย แสดงความรับผิดชอบรวมทั้งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมา เช่น เขื่อนปากมูล จ.อุบลราชธานี, เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการผลักดันการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ อันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและชุมชน เป็นอย่างมาก
โดยชี้ให้เห็นถึงบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง เขตจีน ว่า ก่อให้เกิดปัญหากับประเทศท้ายน้ำอย่างประเทศไทย ลาว เขมร เวียดนาม อย่างชัดเจนมาแล้ว รัฐบาลไทยจึงควรยุติการสนับสนุนและหยุดผลักดันเขื่อนในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวินอย่างเด็ดขาด
