“ส.ว.รสนา” วอนรัฐบาลพิจารณาผลวิจัยเขื่อนปากมูลอย่างรอบคอบ ระบุเปิดประตูระบายน้ำคืนชีวิตความเป็นอยู่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน วันนี้ (28 ก.พ.) ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ หารือว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะให้ความเห็นชอบผลวิจัยของคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูลงานวิจัยและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล และคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล ตนเห็นว่าปัญหาเขื่อนปากมูลเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างยาวนาน จากการศึกษาก่อนมีเขื่อนชาวบ้านออกนอกพื้นที่เพื่อไปหางานร้อยละ 14.2 ต่อปี หลังการมีเชื่อนต้องมีชาวบ้านออกนอกพื้นที่เพื่อไปหางานร้อยละ 63.3 ต่อปี โดยยังพบอีกว่า รายได้ของชาวบ้านในพื้นที่ที่ลดลงจาก 62,000 บาทต่อปีในปี 2537 เหลือปีละ 46,000 บาทในปี 2542 โดยคณะกรรมกรรมการศึกษาเรื่องเขื่อนปากมูลในปี 2543 รายงานผลการศึกษาผลการตอบแทนทางเศรษฐกิจของเขื่อนปากมูลที่มีผลตอบแทนเพียงร้อยละ 7.88 อัตราผลตอบแทนดังกล่วต่ำกว่าเกณฑ์การลงทุนโดยทั่วไปจึงถือเป็นการลงทุนที่ไม่เกิดประโยชน์
น.ส.รสนากล่าวอีกว่า การเปิดประตูน้ำจะทำให้ระบบนิเวศของพื้นที่ และแม่น้ำมูล การเกษตรฟื้นกลับคืนมีคุณภาพ ทำให้พันธุ์ปลาและพันธุ์พืชกลับคืนมามีความหลากหลายทางชีวภาพดังเดิม จริงอยู่การผลิตกระแสไฟฟ้ามีความสำคัญ แต่ปัญหาปากท้องของประชาชนมีความสำคัญยิ่งกว่า เขื่อนปากมูลมีปัญหาและผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลมักจะตั้งนักวิชาการเข้ามาศึกษาเวลามีปัญหา และหากผลการศึกษาเรื่องใดมีประโยชน์ต่อตนเองก็จะเร่งดำเนินการ แต่หากผลการศึกษาใดมีประโยชน์ต่อประชาชนรัฐบาลมักจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ ปัญหาความยากจนและปัญหาความเป็นอยู่เป็นระเบิดเวลาสำคัญ ดังนั้น ตนจึงอยากเห็นรัฐบาลได้ดำเนินการตามที่ได้ตั้งนักวิชาการขึ้นมาศึกษาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ตนขอย้ำให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ