นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (KF&E) เปิดเผยว่า ในปี 2554 บริษัทมีแผนจะใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายเจาะกลุ่มลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยในทุกกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Multi-Corporate Business และ Large Corporate Business) เน้นไปที่การให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในการทำลีสซิ่งในลักษณะของ Structured Deal (เงื่อนไขการทำลีสซิ่งที่มีรูปแบบเฉพาะราย เช่น การปรับค่าเช่าให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดของลูกค้า, การรับค่าเช่าเป็นเงินสกุลอื่น เป็นต้น) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ยังมีบริการสินเชื่อการขายและเช่ากลับ (Sales and Lease Back) สำหรับลูกค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ โดยลูกค้าสามารถนำเครื่องจักรเก่าที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และปราศจากภาระผูกพันมาขอใช้บริการสินเชื่อในลักษณะลีสซิ่งหรือเช่าซื้อ เพื่อนำเงินสดไปเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ โดยยังสามารถใช้งานเครื่องจักรในการผลิตสินค้าได้ตามปกติ
ส่วนกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อม (Medium Business, Small & Micro Business) จะเน้นสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยการจัดสัมมนาให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการให้ความรู้ในเรื่องประโยชน์ของการทําลีสซิ่งเครื่องจักร เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจในผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งและเช่าซื้อเครื่องจักรเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนเมื่อต้องการซื้อเครื่องจักรใหม่หรือในกรณีที่ลูกค้าต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจจากเครื่องจักรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบันของเครือธนาคารกสิกรไทยหรือลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการ
"ในปีนี้ บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องจักร (Vendor) ในการเป็นตัวกลางระหว่างกลุ่มลูกค้าที่เป็นตัวแทนฯ กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักร ซึ่งจะช่วยให้ตัวแทนฯ สามารถขายเครื่องจักรให้กับลูกค้าได้ง่ายและเร็วขึ้น ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนของลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักรผ่านผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งและเช่าซื้อ อีกทั้งยังมีการเตรียมทีมงานเพื่อเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และหาแนวทางในการทำการตลาดร่วมกันในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2554 ให้ได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท และขึ้นเป็นที่ 1 ในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรภายในปี 2555"
ส่วนในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อลีสซิ่งและสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2552 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 800 ล้านบาท ถึง 300%
นอกจากนี้ ยังมีบริการสินเชื่อการขายและเช่ากลับ (Sales and Lease Back) สำหรับลูกค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ โดยลูกค้าสามารถนำเครื่องจักรเก่าที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และปราศจากภาระผูกพันมาขอใช้บริการสินเชื่อในลักษณะลีสซิ่งหรือเช่าซื้อ เพื่อนำเงินสดไปเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ โดยยังสามารถใช้งานเครื่องจักรในการผลิตสินค้าได้ตามปกติ
ส่วนกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อม (Medium Business, Small & Micro Business) จะเน้นสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยการจัดสัมมนาให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการให้ความรู้ในเรื่องประโยชน์ของการทําลีสซิ่งเครื่องจักร เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจในผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งและเช่าซื้อเครื่องจักรเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนเมื่อต้องการซื้อเครื่องจักรใหม่หรือในกรณีที่ลูกค้าต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจจากเครื่องจักรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบันของเครือธนาคารกสิกรไทยหรือลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการ
"ในปีนี้ บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องจักร (Vendor) ในการเป็นตัวกลางระหว่างกลุ่มลูกค้าที่เป็นตัวแทนฯ กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักร ซึ่งจะช่วยให้ตัวแทนฯ สามารถขายเครื่องจักรให้กับลูกค้าได้ง่ายและเร็วขึ้น ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนของลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักรผ่านผลิตภัณฑ์ลีสซิ่งและเช่าซื้อ อีกทั้งยังมีการเตรียมทีมงานเพื่อเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และหาแนวทางในการทำการตลาดร่วมกันในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2554 ให้ได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท และขึ้นเป็นที่ 1 ในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรภายในปี 2555"
ส่วนในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อลีสซิ่งและสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2552 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 800 ล้านบาท ถึง 300%
