"นีโอสุกี้” ฮึดสู้ ซุ่มโมเดลเอ็กซ์เพรสเตรียมลุยปีหน้า ปีนี้เบรกแผนเปิดร้านขนาดใหญ่ หันมารีโนเวตด้วยงบ 10 ล้านบาท
นายสกนธ์ กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บรัท นีโอสุกี้ไทย เรสเทอรองส์ จำกัด ผู้บริหารภัตตาคารนีโอสุกี้ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้ของบริษัทฯ จะไม่ลงทุนเปิดสาขาขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น แต่จะหันมาปรับปรุงสาขาเดิมที่เปิดบริการอยู่แล้วให้มีความทันสมัยและขยายเมนูอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงรวมทั้งหมด 10ล้านบาท เฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขา
ขณะนี้มีเปิดบริการรวม 5 แห่งที่เป็นของบริษัทฯ เอง คือ เซ็นเตอร์วันเปิดแล้ววันที่ 9 มีนาคม หลังปิดปรับปรุง เพราะอาคารไฟไหม้ใช้งบกว่า 4.5 ล้านบาท และเป็นสาขาทำรายได้หลักกว่า 30% , แอทพาร์คทาวน์อินทาวน์, พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน, อุดรธานีที่เทสโก้โลตัสนาดี ล่าสุดที่โครงการเพียวเพลสหน้าหมู่บ้านสัมมากร ส่วนอีกสาขาเป็นของแฟรนไชส์คือที่ภูเก็ต
ส่วนในต่างประเทศเปิดบริการแล้วในรูปแบบแฟรนไชส์รวม 4 สาขาคือที่เวียดนาม 2 สาขา, กัมพูชา 1 สาขา และอินโดนีเซีย 1 สาขา แต่ยังไม่มีแผนการขายแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นในปีนี้
ส่วนปีหน้ามีแผนที่จะเปิดรูปแบบใหม่ คือ นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส เน้นเปิดหน้าฟู้ดคอร์ทของห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอล์ โดยมีแผนที่จะขายแฟรนไชส์ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและรูปแบบ คาดว่าต้องใช้พื้นที่ 150-200 ตารางเมตร เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อมื้อต่อคนที่ 100 บาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะราคาไม่แพงและเมนูอาหารที่มีคุณภาพหลากหลาย โดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องน้ำจิ้มที่มีหลายสูตร ซึ่งเป็นการสร้างความต่างไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้กับคู่แข่งรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม นายสกนธ์ยอมรับว่า เวลานี้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% แล้ว แต่บริษัทฯยังสามารถจัดการควบคุมได้ เนื่องจากมีครัวกลางที่ถนนสาธุประดิษฐ์เป็นของตัวเองผลิตอาหารมากกว่า 70% แต่ยังไม่แน่ใจว่าต้นทุนอาหารจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากเท่าไรและนานเท่าใด แต่ขณะนี้ยังแบกภาระไว้ได้อยู่
สำหรับธุรกิจผลิตซอสขายนั้น ก็เริ่มมีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูง แต่ตลาดรวมยังมีการเติบโตที่ดีประมาณ 25% เนื่องจากมีร้านอาหารเกิดขึ้นมามาก
ทั้งนี้บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจาก ร้านอาหารนีโอสุกี้ 60% และ การผลิตซอส 40% (โดยมีรายได้จากซอศแบรดน์นีโอประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อเดือน และรับทำโออีเอ็มให้กับเทสโก้ฑโลตัสอีก 5 แสนบาทต่อเดือน) และคาดว่าปีนี้บริษัทฯจะเติบโตอีก 20%
นายสกนธ์ กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บรัท นีโอสุกี้ไทย เรสเทอรองส์ จำกัด ผู้บริหารภัตตาคารนีโอสุกี้ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้ของบริษัทฯ จะไม่ลงทุนเปิดสาขาขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น แต่จะหันมาปรับปรุงสาขาเดิมที่เปิดบริการอยู่แล้วให้มีความทันสมัยและขยายเมนูอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงรวมทั้งหมด 10ล้านบาท เฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขา
ขณะนี้มีเปิดบริการรวม 5 แห่งที่เป็นของบริษัทฯ เอง คือ เซ็นเตอร์วันเปิดแล้ววันที่ 9 มีนาคม หลังปิดปรับปรุง เพราะอาคารไฟไหม้ใช้งบกว่า 4.5 ล้านบาท และเป็นสาขาทำรายได้หลักกว่า 30% , แอทพาร์คทาวน์อินทาวน์, พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน, อุดรธานีที่เทสโก้โลตัสนาดี ล่าสุดที่โครงการเพียวเพลสหน้าหมู่บ้านสัมมากร ส่วนอีกสาขาเป็นของแฟรนไชส์คือที่ภูเก็ต
ส่วนในต่างประเทศเปิดบริการแล้วในรูปแบบแฟรนไชส์รวม 4 สาขาคือที่เวียดนาม 2 สาขา, กัมพูชา 1 สาขา และอินโดนีเซีย 1 สาขา แต่ยังไม่มีแผนการขายแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นในปีนี้
ส่วนปีหน้ามีแผนที่จะเปิดรูปแบบใหม่ คือ นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส เน้นเปิดหน้าฟู้ดคอร์ทของห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอล์ โดยมีแผนที่จะขายแฟรนไชส์ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและรูปแบบ คาดว่าต้องใช้พื้นที่ 150-200 ตารางเมตร เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อมื้อต่อคนที่ 100 บาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะราคาไม่แพงและเมนูอาหารที่มีคุณภาพหลากหลาย โดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องน้ำจิ้มที่มีหลายสูตร ซึ่งเป็นการสร้างความต่างไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้กับคู่แข่งรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม นายสกนธ์ยอมรับว่า เวลานี้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% แล้ว แต่บริษัทฯยังสามารถจัดการควบคุมได้ เนื่องจากมีครัวกลางที่ถนนสาธุประดิษฐ์เป็นของตัวเองผลิตอาหารมากกว่า 70% แต่ยังไม่แน่ใจว่าต้นทุนอาหารจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากเท่าไรและนานเท่าใด แต่ขณะนี้ยังแบกภาระไว้ได้อยู่
สำหรับธุรกิจผลิตซอสขายนั้น ก็เริ่มมีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูง แต่ตลาดรวมยังมีการเติบโตที่ดีประมาณ 25% เนื่องจากมีร้านอาหารเกิดขึ้นมามาก
ทั้งนี้บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจาก ร้านอาหารนีโอสุกี้ 60% และ การผลิตซอส 40% (โดยมีรายได้จากซอศแบรดน์นีโอประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อเดือน และรับทำโออีเอ็มให้กับเทสโก้ฑโลตัสอีก 5 แสนบาทต่อเดือน) และคาดว่าปีนี้บริษัทฯจะเติบโตอีก 20%
