นางสาวสุณี เสรีภาณุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.การ์เม้นท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมแม็คยีนส์ของไทย เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯจะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานครั้งใหญ่ในรอบ 36 ปีของการก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพลดความเป็นแฟมิลี่บิสซิเนสโดยมีการจัดโครงสร้างใหม่ และทำให้อายุเฉลี่ยของพนักงานต่ำลบระดับ 30 กว่าปีต้นๆ จากเดิม 40 กว่าปี มีการรับผู้จัดการโรงงานใหม่ 3 ตำแหน่งเพื่อขยายไลน์โปรดักส์
ที่สำคัญคือการแต่งตั้งนายธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตผู้บริหารจากดีแทคเข้ามาดำรงตำแหน่ง ซีอีโอเป็นครั้งแรก มีผลเดือนพฤษภาคมนี้ และจะมีการรับผู้บริหารรุ่นใหม่ๆทั้งด้านไอทีและการตลาดเข้ามาเพิ่ม นอกจากนั้นมีแผนที่จะนำบริษัทฯเข้าตลดาหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งอยู่รหะว่างการสำรวจความเห็นของพนักงาน ซึ่งเหตุผลการเข้าตลาดก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารมืออาชีพและการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืน ส่วนเรื่องเงินลงทุนนั้นบริษัทนมีความพร้อมอยู่แล้ว
ขณะที่ตัวของนางสาวสุณีเองจะหันไปบริหารและดูแลทางด้านโรงงานการผลิตเป็นหลัก เพื่อที่จะควบคุมดูแลการจัดการ การควบคุมต้นทุนการผลิต ซึ่งปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมาก
โดยต้นทุนหลักคือฝ้ายกสัดส่วนกว่า 50% ส่วนต้นทุนคน 10% นอกนั้นก็ลดหลั่นกันไป เช่น ค่าการตลาด ค่าเช่าที่ ค่าสาธารูณปโภคต่างๆ ซึ่งขณะนี้ ฝ้ายขึ้นราคาถึง 30% แล้ว หรือประมาณ 2 เหรียญกว่า จากเมื่อช่วง 2 ปีก่อนอยู่ที่ 80 เซนต์เท่านั้น้เอง อย่างไรก็ตามทางแก้ปัญหาเวลานี้คือ บริษัทนหันมาสั่งนำเข้าเป็นผ้าผืนมากขึ้นถึง 30% จากเดิมแค่ 10% ซึ่งเราคงไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าจะปรับได้ครึ่งปีหลังประมาณ 10% แล้วแต่บางรุ่นและสถานการณ์
ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้มากกว่า 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 มากถึง 20-25% ที่มีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท โดย 2 เดือนแรกนี้เติบโต 30% ขณะที่ช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้เติบโต 22% ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายอะไรเป็นแกณฑ์ให้กับนายธนา ว่าจะต้องมียอดขายเท่าไรหรือมีกำไรเท่าไร เพียงแต่ถ้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ก็ดี เป็นความท้าทาย
ปัจจุบันแม็คยีนส์อยู่ในอันดับที่สองมีส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่าตลาดรวมในห้างสรรพสินค้าและยีนส์แบรนด์เนมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ติดท็อปโฟร์ คือ ลีวายส์ แรงเลอร์ และลี
ส่วนแผนลงทุนปีนี้จะใช้งบ 50 ล้านบาทสร้างดีไซน์เซ็นเตอร์ที่อ่อนนุชในโรงงานเดิม พื้นที่ 2 ไร่ และจะขยายชอปสแตนด์อโลนอีก 20 แห่ง ลงทุน 4 ล้านบาทต่อสาขา คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีชอปรวม 78 ชอป และจะใช้งบการตลาดมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนเคาน์เตอร์มีประมาณ 200 กว่าจุด
ทั้งนี้แม็คมี 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มเบสิคราคา 995-1,495 บาท สัดส่วนรายได้ 60% และกลุ่มแฟชั่น ราคา 1,595 – 1,995 บาท สัดส่วนรายได้ 40% ซึ่งจะมีไลน์สินค้า 4 แบรนด์คือ แม็ค แม็คเลดี้ ไบรท์ซัน และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวแม็คจูเนียร์ขยายกลุ่มเด็กเล็กอายุ 6-12 ปี ล่าสุดเปิดตัวรุ่นใหม่แม็คไลท์เวท มีนำหนักเบาและโปรโมชั่น ส่วนลด 36% เมื่อซื้อสินค้าครบ 3,600 บาท
ที่สำคัญคือการแต่งตั้งนายธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตผู้บริหารจากดีแทคเข้ามาดำรงตำแหน่ง ซีอีโอเป็นครั้งแรก มีผลเดือนพฤษภาคมนี้ และจะมีการรับผู้บริหารรุ่นใหม่ๆทั้งด้านไอทีและการตลาดเข้ามาเพิ่ม นอกจากนั้นมีแผนที่จะนำบริษัทฯเข้าตลดาหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งอยู่รหะว่างการสำรวจความเห็นของพนักงาน ซึ่งเหตุผลการเข้าตลาดก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารมืออาชีพและการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืน ส่วนเรื่องเงินลงทุนนั้นบริษัทนมีความพร้อมอยู่แล้ว
ขณะที่ตัวของนางสาวสุณีเองจะหันไปบริหารและดูแลทางด้านโรงงานการผลิตเป็นหลัก เพื่อที่จะควบคุมดูแลการจัดการ การควบคุมต้นทุนการผลิต ซึ่งปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมาก
โดยต้นทุนหลักคือฝ้ายกสัดส่วนกว่า 50% ส่วนต้นทุนคน 10% นอกนั้นก็ลดหลั่นกันไป เช่น ค่าการตลาด ค่าเช่าที่ ค่าสาธารูณปโภคต่างๆ ซึ่งขณะนี้ ฝ้ายขึ้นราคาถึง 30% แล้ว หรือประมาณ 2 เหรียญกว่า จากเมื่อช่วง 2 ปีก่อนอยู่ที่ 80 เซนต์เท่านั้น้เอง อย่างไรก็ตามทางแก้ปัญหาเวลานี้คือ บริษัทนหันมาสั่งนำเข้าเป็นผ้าผืนมากขึ้นถึง 30% จากเดิมแค่ 10% ซึ่งเราคงไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าจะปรับได้ครึ่งปีหลังประมาณ 10% แล้วแต่บางรุ่นและสถานการณ์
ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้มากกว่า 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 มากถึง 20-25% ที่มีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท โดย 2 เดือนแรกนี้เติบโต 30% ขณะที่ช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้เติบโต 22% ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายอะไรเป็นแกณฑ์ให้กับนายธนา ว่าจะต้องมียอดขายเท่าไรหรือมีกำไรเท่าไร เพียงแต่ถ้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ก็ดี เป็นความท้าทาย
ปัจจุบันแม็คยีนส์อยู่ในอันดับที่สองมีส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่าตลาดรวมในห้างสรรพสินค้าและยีนส์แบรนด์เนมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ติดท็อปโฟร์ คือ ลีวายส์ แรงเลอร์ และลี
ส่วนแผนลงทุนปีนี้จะใช้งบ 50 ล้านบาทสร้างดีไซน์เซ็นเตอร์ที่อ่อนนุชในโรงงานเดิม พื้นที่ 2 ไร่ และจะขยายชอปสแตนด์อโลนอีก 20 แห่ง ลงทุน 4 ล้านบาทต่อสาขา คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีชอปรวม 78 ชอป และจะใช้งบการตลาดมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนเคาน์เตอร์มีประมาณ 200 กว่าจุด
ทั้งนี้แม็คมี 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มเบสิคราคา 995-1,495 บาท สัดส่วนรายได้ 60% และกลุ่มแฟชั่น ราคา 1,595 – 1,995 บาท สัดส่วนรายได้ 40% ซึ่งจะมีไลน์สินค้า 4 แบรนด์คือ แม็ค แม็คเลดี้ ไบรท์ซัน และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวแม็คจูเนียร์ขยายกลุ่มเด็กเล็กอายุ 6-12 ปี ล่าสุดเปิดตัวรุ่นใหม่แม็คไลท์เวท มีนำหนักเบาและโปรโมชั่น ส่วนลด 36% เมื่อซื้อสินค้าครบ 3,600 บาท