นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลด์เด้นโดนัท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านดังกิ้นโดนัท เปิดเผยว่า ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุต่างๆก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉลี่ยปรับขึ้นราว 10% ขณะที่น้ำตาล และกาแฟ ปรับขึ้นถึง 30% และน้ำมันปาล์มยังขาดดตลาดอยู่ส่งผลให้ทางบริษัทต้องมีการปรับแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าเป็น 1 ปี เพื่อนรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมใช้น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันผสมเนย ทดแทนบางส่วน
สำหรับแผนการปรับตัวรับต้นทุนเพิ่มครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถตรึงราคาสินค้าได้ราว 3 เดือน ทั้งในส่วนของโดนัท และกาแฟ ถึงแม้ว่าราคากาแฟที่จำหน่ายอยู่นั้น จะมียังคงราคาถูกกว่าแบรนด์อื่น โดยเฉพาะ สตาร์บัคส์ ถึง 30% โดยกาแฟดังกิ้นเริ่มที่ แก้วละ 45 บาท โอเลี้ยงเริ่ม 30 บาท กาแฟเย็นเริ่มที่ 55-70 บาท โดยหลังจาก 3 เดือนนี้ อาจจะต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและการเติบโตของดังกิ้นในประเทศไทย ที่มองว่ายังมีศักยภาพที่สูงมากในภูมิภาคเอเชีย รองจากเกาหลี ดังนั้นบริษัทจึงพร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 20 สาขา จากปัจจุบัน 200 สาขา โดยขยายเพิ่มเท่าปีที่ผ่านมา พร้อมทำการตลาดตลอดปี มั่นใจว่า จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนโต 15% และภายใน 5 ปีหลังจากนี้ สัดส่วนรายได้กว่า 70% ยังมาจากโดนัท และ 30% จะมาจากกาแฟ 30%
“ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจในสายตาของบริษัทแม่เช่นเดียวกับเกาหลี ซึ่งมีจำนวนสาขาและรายได้เติบโตดี โดยเกาหลีมีมากกว่า 900 สาขา ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจซึ่งบริษัทแม่เตรียมเข้าไปทำธุรกิจในจีนด้วย” นายนาดิมกล่าว
สำหรับแผนการปรับตัวรับต้นทุนเพิ่มครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถตรึงราคาสินค้าได้ราว 3 เดือน ทั้งในส่วนของโดนัท และกาแฟ ถึงแม้ว่าราคากาแฟที่จำหน่ายอยู่นั้น จะมียังคงราคาถูกกว่าแบรนด์อื่น โดยเฉพาะ สตาร์บัคส์ ถึง 30% โดยกาแฟดังกิ้นเริ่มที่ แก้วละ 45 บาท โอเลี้ยงเริ่ม 30 บาท กาแฟเย็นเริ่มที่ 55-70 บาท โดยหลังจาก 3 เดือนนี้ อาจจะต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและการเติบโตของดังกิ้นในประเทศไทย ที่มองว่ายังมีศักยภาพที่สูงมากในภูมิภาคเอเชีย รองจากเกาหลี ดังนั้นบริษัทจึงพร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 20 สาขา จากปัจจุบัน 200 สาขา โดยขยายเพิ่มเท่าปีที่ผ่านมา พร้อมทำการตลาดตลอดปี มั่นใจว่า จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนโต 15% และภายใน 5 ปีหลังจากนี้ สัดส่วนรายได้กว่า 70% ยังมาจากโดนัท และ 30% จะมาจากกาแฟ 30%
“ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจในสายตาของบริษัทแม่เช่นเดียวกับเกาหลี ซึ่งมีจำนวนสาขาและรายได้เติบโตดี โดยเกาหลีมีมากกว่า 900 สาขา ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจซึ่งบริษัทแม่เตรียมเข้าไปทำธุรกิจในจีนด้วย” นายนาดิมกล่าว