ASTVผู้จัดการรายวัน-“วิเชียร”สั่งตำรวจลุยจับขายน้ำมันปาล์มเกินราคา ประเดิมเชือดโชว์ 7 รายที่หนองคาย ด้านการซื้อขายในห้าง ตลาดสด ยังป่วน คนยังแห่ตุน ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเริ่มหายไปจากตลาดแล้ว “พาณิชย์”วอนอย่าตุน เหตุน้ำมันปาล์มมีเพียงพอ ด้าน“เทพเทือก”โวปัญหาจบแล้ว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคาว่า หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้มีคำสั่งให้ตำรวจเข้าไปดูแลและควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคา ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปในดูแลโดยมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ และต้องรายงานการปฏิบัติงานทุกวันศุกร์
“เราจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้า โดยหลังจากนี้คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานก่อน หากประชาชนพบเห็นการกระทำดังกล่าว สามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสเข้ามาที่หมายเลข 1135”
เมื่อถามว่า จะมีการเข้าไปดูแลการจำหน่ายน้ำมันชนิดอื่นที่เกินราคาและช่วงนี้เริ่มขาดตลาดด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้คงต้องเน้นหนักในเรื่องของน้ำมันปาล์มตามนโยบายของรัฐบาลก่อน ซึ่งหากร้านค้าหรือผู้ประกอบการใดมีพฤติกรรมจำหน่วยสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้าจะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายอาญา
วันเดียวกันนี้ ที่จ.หนองคาย พ.ต.ท.พิษณุ ศิทธิฑูรย์ รองผู้กำกับ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รองผกก.2 บก.ปคบ.) พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้จับกุมพ่อค้าแม่ค้า 7 ราย ที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดละ 50-60 บาท พร้อมยึดน้ำมันปาล์ม จุกขวดสีฟ้า ยี่ห้อต่างๆ ที่วางขายตามตลาดแผงลอยในเขตเทศบาลเมืองหนองคายมาลงบันทึกจับกุมที่สภ.เมืองหนองคาย
ทางด้านการจำหน่ายน้ำมันปาล์ม หลังจากที่รัฐบาลประกาศว่าตั้งแต่วันพุธที่ 2 มี.ค.เป็นต้นไป จะมีขายไม่อั้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่มีน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพูวางขายในราคาขวดละ 47 บาท แต่ประชาชนยังแห่ซื้อเป็นจำนวนมาก โดยซื้อตั้งแต่ 3-6 ขวด หรือยกลังก็มี ทำให้น้ำมันปาล์มที่นำมาวางขายหมดลงอย่างรวดเร็วขณะที่ในตลาดสดก็มีจำหน่าย แต่ปริมาณก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าว พบว่า ในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ไม่พบสินค้าวางจำหน่าย โดยพนักงานชี้แจงตอนนี้มีสินค้ามาส่งน้อยผิดปกติ ทำให้มีสินค้าไม่มีเพียงพอจำหน่าย ประกอบกับราคาน้ำมันถั่วเหลืองถูกกว่าน้ำมันปาล์ม ทำให้คนเลือกซื้อน้ำมันถั่วเหลืองซึ่งมีคุณภาพดีกว่าแทน
สำหรับการจำหน่ายน้ำตาลทราย ในห้างค้าปลีกมีขายเพียง 1-2 ยี่ห้อเท่านั้น และชั้นวางขายปล่อยโล่งอยู่ พร้อมทั้งจำกัดปริมาณซื้อให้คนละ 1-3 ถุง และบางแห่งยังมีการนำหมึกมาปั้มมือ เพื่อป้องกันการเวียนเทียนซื้อด้วย เพราะขณะนี้ตามตลาดสด และร้านค้าปลีกยังคงจำหน่ายน้ำตาลสูงเกินราคาควบคุมอยู่ กก.ละ 27-30 บาท
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้กระทรวงฯ จะพยายามกระจายน้ำมันปาล์มออกสู่ตลาด แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงร้านค้ารายย่อยยังวิตกว่าน้ำมันปาล์มจะขาดแคลน จึงมีการซื้อไปเก็บไว้จำนวนมาก แต่ขอให้มั่นใจว่า ตอนนี้น้ำมันปาล์มมีเพียงพอ และไม่ต้องตื่นตระหนกซื้อตุนไว้ เพราะหากการผลิต 45,000 ตัน ไม่เพียงพอรัฐบาลยังมีโควตานำเข้าเพิ่มได้อีกเกือบ 90,000 ตัน ประกอบกับปลายเดือนมี.ค.นี้ ผลผลิตปาล์มภายในประเทศจะออกสู่ตลาด จึงเชื่อว่าปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศนั้น จะมีเพียงพออย่างแน่นอน
ส่วนปัญหาน้ำมันถั่วเหลืองขาดแคลนนั้น ไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ประกอบการชะลอการส่งน้ำมันเข้าสู่ตลาด เพื่อรอเวลาขอปรับขึ้นราคา แต่สาเหตุที่ขาด เพราะประชาชนไม่สามารถหาซื้อน้ำมันปาล์มได้ และหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทน จนทำให้ผู้ประกอบการแม้จะเพิ่มกำลังผลิตแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนเรื่องการขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองจากขวดละ 46บาท เป็น 65 บาทนั้น จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ยอมรับว่าราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองนั้นมีราคาค่อนข้างแพงมาก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มดีขึ้นแล้ว ในห้างมีจำหน่ายแล้ว แต่ถ้าตรงไหนไม่มีขาย เดี๋ยวจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสินค้าไปวางจำหน่ายให้ได้ส่วนของการติดตามจับกุมพ่อค้าผู้ประกอบการที่กักตุน และขายน้ำมันปาล์มเกินราคานั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่มีรายงานการจับกุมมาแจ้งให้ทราบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจดูแล้วทุกพื้นที่
เมื่อถามว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่าพรรคฝ่ายค้านอาจจะมีการนำข้อมูลจริงปนเท็จ มาอภิปรายนายสุเทพในเรื่องน้ำมันปาล์ม นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา มาเถอะ เอามาเลย ตนต้องการให้นำข้อมูลมาเสนอกัน และพิสูจน์กันต่อหน้าพี่น้องประชาชน 65 ล้านคนเลย
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคาว่า หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้มีคำสั่งให้ตำรวจเข้าไปดูแลและควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคา ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปในดูแลโดยมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ และต้องรายงานการปฏิบัติงานทุกวันศุกร์
“เราจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้า โดยหลังจากนี้คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานก่อน หากประชาชนพบเห็นการกระทำดังกล่าว สามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสเข้ามาที่หมายเลข 1135”
เมื่อถามว่า จะมีการเข้าไปดูแลการจำหน่ายน้ำมันชนิดอื่นที่เกินราคาและช่วงนี้เริ่มขาดตลาดด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้คงต้องเน้นหนักในเรื่องของน้ำมันปาล์มตามนโยบายของรัฐบาลก่อน ซึ่งหากร้านค้าหรือผู้ประกอบการใดมีพฤติกรรมจำหน่วยสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้าจะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายอาญา
วันเดียวกันนี้ ที่จ.หนองคาย พ.ต.ท.พิษณุ ศิทธิฑูรย์ รองผู้กำกับ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รองผกก.2 บก.ปคบ.) พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้จับกุมพ่อค้าแม่ค้า 7 ราย ที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดละ 50-60 บาท พร้อมยึดน้ำมันปาล์ม จุกขวดสีฟ้า ยี่ห้อต่างๆ ที่วางขายตามตลาดแผงลอยในเขตเทศบาลเมืองหนองคายมาลงบันทึกจับกุมที่สภ.เมืองหนองคาย
ทางด้านการจำหน่ายน้ำมันปาล์ม หลังจากที่รัฐบาลประกาศว่าตั้งแต่วันพุธที่ 2 มี.ค.เป็นต้นไป จะมีขายไม่อั้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่มีน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพูวางขายในราคาขวดละ 47 บาท แต่ประชาชนยังแห่ซื้อเป็นจำนวนมาก โดยซื้อตั้งแต่ 3-6 ขวด หรือยกลังก็มี ทำให้น้ำมันปาล์มที่นำมาวางขายหมดลงอย่างรวดเร็วขณะที่ในตลาดสดก็มีจำหน่าย แต่ปริมาณก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าว พบว่า ในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ไม่พบสินค้าวางจำหน่าย โดยพนักงานชี้แจงตอนนี้มีสินค้ามาส่งน้อยผิดปกติ ทำให้มีสินค้าไม่มีเพียงพอจำหน่าย ประกอบกับราคาน้ำมันถั่วเหลืองถูกกว่าน้ำมันปาล์ม ทำให้คนเลือกซื้อน้ำมันถั่วเหลืองซึ่งมีคุณภาพดีกว่าแทน
สำหรับการจำหน่ายน้ำตาลทราย ในห้างค้าปลีกมีขายเพียง 1-2 ยี่ห้อเท่านั้น และชั้นวางขายปล่อยโล่งอยู่ พร้อมทั้งจำกัดปริมาณซื้อให้คนละ 1-3 ถุง และบางแห่งยังมีการนำหมึกมาปั้มมือ เพื่อป้องกันการเวียนเทียนซื้อด้วย เพราะขณะนี้ตามตลาดสด และร้านค้าปลีกยังคงจำหน่ายน้ำตาลสูงเกินราคาควบคุมอยู่ กก.ละ 27-30 บาท
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้กระทรวงฯ จะพยายามกระจายน้ำมันปาล์มออกสู่ตลาด แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงร้านค้ารายย่อยยังวิตกว่าน้ำมันปาล์มจะขาดแคลน จึงมีการซื้อไปเก็บไว้จำนวนมาก แต่ขอให้มั่นใจว่า ตอนนี้น้ำมันปาล์มมีเพียงพอ และไม่ต้องตื่นตระหนกซื้อตุนไว้ เพราะหากการผลิต 45,000 ตัน ไม่เพียงพอรัฐบาลยังมีโควตานำเข้าเพิ่มได้อีกเกือบ 90,000 ตัน ประกอบกับปลายเดือนมี.ค.นี้ ผลผลิตปาล์มภายในประเทศจะออกสู่ตลาด จึงเชื่อว่าปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศนั้น จะมีเพียงพออย่างแน่นอน
ส่วนปัญหาน้ำมันถั่วเหลืองขาดแคลนนั้น ไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ประกอบการชะลอการส่งน้ำมันเข้าสู่ตลาด เพื่อรอเวลาขอปรับขึ้นราคา แต่สาเหตุที่ขาด เพราะประชาชนไม่สามารถหาซื้อน้ำมันปาล์มได้ และหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทน จนทำให้ผู้ประกอบการแม้จะเพิ่มกำลังผลิตแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนเรื่องการขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองจากขวดละ 46บาท เป็น 65 บาทนั้น จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ยอมรับว่าราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองนั้นมีราคาค่อนข้างแพงมาก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มดีขึ้นแล้ว ในห้างมีจำหน่ายแล้ว แต่ถ้าตรงไหนไม่มีขาย เดี๋ยวจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสินค้าไปวางจำหน่ายให้ได้ส่วนของการติดตามจับกุมพ่อค้าผู้ประกอบการที่กักตุน และขายน้ำมันปาล์มเกินราคานั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่มีรายงานการจับกุมมาแจ้งให้ทราบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจดูแล้วทุกพื้นที่
เมื่อถามว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่าพรรคฝ่ายค้านอาจจะมีการนำข้อมูลจริงปนเท็จ มาอภิปรายนายสุเทพในเรื่องน้ำมันปาล์ม นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา มาเถอะ เอามาเลย ตนต้องการให้นำข้อมูลมาเสนอกัน และพิสูจน์กันต่อหน้าพี่น้องประชาชน 65 ล้านคนเลย
